รัฐบาลสหรัฐฯ ถอดกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์จีน ออกจากรายชื่อหน่วยงานที่ถูกคว่ำบาตรทางการค้า โดยเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามเพื่อโน้มน้าวให้ทางการจีนเพิ่มความพยายามในการดำเนินการกับบริษัทผู้ผลิตสารตั้งต้นที่ใช้ในการผลิตเฟนทานิล ซึ่งเป็นยาเสพติดประเภทฝิ่นสังเคราะห์ ที่มีฤทธิ์แรงกว่ามอร์ฟีน 80-100 เท่า และกำลังแพร่กระจายอย่างหนักในสหรัฐฯ
ท่าทีของสหรัฐฯ มีขึ้นหลังการพบปะหารือระหว่างประธานาธิบดีโจไบเดนของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (15 พฤศจิกายน) ก่อนเข้าร่วมการประชุมผู้นำ APEC ที่นครซานฟรานซิสโก ซึ่งประธานาธิบดีสีตกลงที่จะติดตามการดำเนินการกับบริษัทผลิตสารเคมีตั้งต้นที่ใช้ผลิตเฟนทานิลดังกล่าว
ขณะที่รัฐบาลวอชิงตันเพิ่ม 2 หน่วยงานของจีนในรายชื่อคว่ำบาตรตั้งแต่ปี 2020 จากข้อกล่าวหาละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยอื่นๆ โดยกำหนดมาตรการห้ามไม่ให้ทั้ง 2 หน่วยงานได้รับสินค้าจากบริษัทซัพพลายเออร์ในสหรัฐฯ
ทั้งนี้ เมื่อปีที่แล้ว ฉินกัง อดีตเอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐฯ ได้แสดงท่าทีต่อการคว่ำบาตร 2 หน่วยงานของจีน โดยชี้ว่าเป็นเรื่อง ‘น่าตกใจ’ ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งแสดงความไม่พอใจที่จีนไม่ให้ความร่วมมือในการยับยั้งการหลั่งไหลของเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐฯ จะคว่ำบาตรหน่วยงานที่เขามองว่ามีความจำเป็นต่อการควบคุมการระบาดของยาเสพติดประเภทนี้
อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวล่าสุดของสหรัฐฯ ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนและพรรครีพับลิกัน ซึ่งกล่าวหาว่ารัฐบาลไบเดนยอมอ่อนต่อปักกิ่งในเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวอุยกูร์
ภาพ: Kevin Lamarque / Reuters
อ้างอิง: