รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเร่งพยายามบรรเทาฝันร้ายเรื่องห่วงโซ่อุปทานที่นำไปสู่ปัญหาการขาดแคลนสินค้าบางรายการ ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคสูงขึ้น และอาจถึงขั้นส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการแก้ไขปัญหาคอขวดด้านการขนส่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ และมีกำหนดแถลงหลังจากเสร็จสิ้นการหารือร่วมกับการท่าเรือ สมาคมรถบรรทุก สหภาพแรงงาน และผู้บริหารจาก Walmart, FedEx, UPS และ Target
“ห่วงโซ่อุปทานส่วนใหญ่อยู่ในภาคเอกชน ดังนั้นเราจึงต้องการให้ภาคเอกชนเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้” เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งในฝ่ายบริหารของไบเดนกล่าว พร้อมเสริมว่า ทำเนียบขาวหวังว่าบริษัทเหล่านี้จะกระตุ้นให้บริษัทอื่นๆ ทำตามด้วยการเร่งดำเนินการในส่วนของตนเองเช่นกัน
เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเปิดเผยว่า ทำเนียบขาวจะทำงานร่วมกับบริษัทและท่าเรือต่างๆ เพื่อบรรเทาปัญหาคอขวดภายในระยะเวลา 90 วัน โดยบางหน่วยงานจะเริ่มทำงานตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่มีวันหยุด เพื่อจัดการกับสินค้าคงค้างที่รอส่งมอบ
ท่าเรือลอสแอนเจลิสจะเริ่มเปิดให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง เช่นเดียวกับท่าเรือลองบีช ที่เริ่มเปิดดำเนินงานตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันไม่เว้นวันหยุดแล้ว โดยท่าเรือทั้งสองแห่งรองรับสินค้าบรรจุตู้คอนเทนเนอร์คิดเป็น 40% ของทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา
ขณะนี้ท่าเรือทั่วโลกกำลังมีสภาพแออัด เนื่องจากความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์และสินค้าต่างๆ ดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด ค่าขนส่งสินค้าทางเรือพุ่งสูงขึ้น และบริษัทที่ต้องการเคลื่อนย้ายสินค้าก็ประสบปัญหา เนื่องจากมีเรือหรือตู้คอนเทนเนอร์ไม่เพียงพอ ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะส่งต่อไปถึงผู้บริโภคในรูปของราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น
“พูดให้ชัด ปัญหาที่เราประสบอยู่ในตอนนี้ก็คือขีดความสามารถในการรองรับของท่าเรือ ราง ถนน และสะพานสำหรับขนส่งสินค้า พูดง่ายๆ ก็คือโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง ซึ่งส่วนใหญ่สร้างขึ้นมาหลายทศวรรษหรือหลายชั่วอายุคนแล้ว และปัจจุบันชาวอเมริกันนำเข้าและส่งออกสินค้ามากกว่าในอดีตที่ผ่านมา” เจ้าหน้าที่กล่าว
“รัฐบาลกลางจะเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งด้วยความเต็มใจ สำหรับความร่วมมือในระยะสั้นนี้ ตลอดจนเพื่อการสร้างระบบสำหรับศตวรรษที่ 21 ที่ดีขึ้นกว่าเดิม”
เจ้าหน้าที่ยังเผยอีกด้วยว่า รัฐบาลกลางกำลังทำงานร่วมกับ Departments of Motor Vehicles ของรัฐต่างๆ เพื่อเพิ่มการออกใบขับขี่เพื่อการพาณิชย์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามที่จะเพิ่มจำนวนคนขับรถบรรทุกในประเทศ เนื่องจากการขาดแคลนคนขับรถบรรทุกได้เพิ่มข้อจำกัดในห่วงโซ่อุปทาน ทำให้การส่งมอบสินค้าถึงผู้บริโภคมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นและล่าช้ายิ่งขึ้น โดยทำเนียบขาวหวังว่าจะได้เห็นอุตสาหกรรมการขนส่งทางบกและทางรางเพิ่มชั่วโมงทำงานเช่นกัน
“ถ้าเราทำให้สถานการณ์การระบาดนิ่งได้ เรารู้ว่ามันจะส่งผลดีต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก เพื่อประโยชน์ของเศรษฐกิจ” เจ้าหน้าที่อาวุโสกล่าว
ภาพ: Drew Angerer / Getty Images
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP