ไปต่อหรือพอแค่นี้ คำถามที่เกิดขึ้นในใจใครหลายคน หลังจากที่ได้ฟังการดีเบตประชันวิสัยทัศน์ยกแรกระหว่าง โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบันจากพรรคเดโมแครต กับ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีผู้ท้าชิงจากพรรครีพับลิกัน เมื่อคืนวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา
ผลงานที่ย่ำแย่ ทั้งการตอบคำถามไม่ตรงประเด็น ไปจนถึงอาการอ่อนระโหยโรยแรง พูดตะกุกตะกักระหว่างการดีเบต ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกันวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความกังวลว่า ไบเดนยังเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของพวกเขาต่อไปอีกสมัยหรือไม่ ขณะที่สมาชิกพรรคเดโมแครตบางคนก็เริ่มพิจารณาความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนตัวผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในนามของพรรค
แม้ไบเดนได้รับชัยชนะมาอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งขั้นต้น หรือไพรมารีโหวต (Primary Vote) ของพรรคเดโมแครตเมื่อต้นปีนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วเขายังไม่ได้เป็นผู้แทนของพรรคอย่างเป็นทางการ จนกว่าจะได้รับการรับรองจากที่ประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครต (Democratic National Convention) ซึ่งจะจัดขึ้น ณ นครชิคาโก ระหว่างวันที่ 19-22 สิงหาคมที่จะถึงนี้
และเนื่องจากไบเดนยังไม่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการให้เป็นผู้แทนพรรคเดโมแครตชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ในทางทฤษฎีแล้ว พรรคจึงยังคงมีโอกาสที่จะเลือกผู้สมัครคนอื่นมาทำหน้าที่แทนไบเดน
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าไบเดนตัดสินใจออกจากการแข่งขัน?
อาจไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นง่ายๆ เนื่องจากไบเดนถือเป็นผู้แทนของพรรคอย่างไม่เป็นทางการ (Presumptive Nominee) และได้รับชัยชนะถล่มทลายในการเลือกตั้งขั้นต้น ซึ่งการที่เขาได้รับเลือกจากคณะผู้แทนเลือกตั้ง (Delegates) ในไพรมารีโหวตนั้นก็หมายความว่าแทบเป็นไปไม่ได้ที่ไบเดนจะถูกบีบให้ออกจากการแข่งขัน หากไม่ใช่เป็นเพราะเจตจำนงของเขาเอง
บรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์ความเป็นไปได้หลายแบบ แต่แนวทางที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือ ไบเดนตัดสินใจยุติการชิงชัยเอง ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้คณะผู้แทนที่สนับสนุนเขาในการเลือกตั้งขั้นต้น เปลี่ยนไปลงคะแนนเสนอชื่อผู้สมัครคนอื่นในการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครตที่ชิคาโก
จะเกิดอะไรขึ้น หากผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคขอถอนตัวหลังการประชุมใหญ่?
พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันมีวิธีการที่แตกต่างกัน ภายใต้กฎของพรรคเดโมแครตนั้น คณะกรรมการแห่งชาติ (Democratic National Committee) จะมีอำนาจในการสรรหาผู้ที่เหมาะสมมาแทนตำแหน่งที่ว่างลงหลังการประชุมใหญ่ โดยประธานพรรคจะปรึกษาหารือกับเหล่าผู้ว่าการรัฐและแกนนำพรรคเดโมแครตในรัฐสภา
ในส่วนของพรรครีพับลิกัน หากตัวแทนพรรคขอถอนตัวหลังการประชุมใหญ่ คณะกรรมการแห่งชาติของพรรครีพับลิกัน (Republican National Committee) อาจจัดการประชุมใหญ่อีกครั้งเพื่อเลือกผู้แทนพรรคคนใหม่
รองประธานาธิบดีหรือคู่ชิงรองประธานาธิบดี จะขยับขึ้นมาเป็นตัวแทนพรรคลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีได้โดยอัตโนมัติหรือไม่?
ตามรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ นั้น หากประธานาธิบดี (Incumbent President) กลายเป็นบุคคลไร้ความสามารถ รองประธานาธิบดีจะก้าวขึ้นมาทำหน้าที่ประธานาธิบดีแทน แต่ภายใต้กฎของพรรคทั้งเดโมแครตและรีพับลิกัน ไม่ได้กำหนดว่าบุคคลผู้นั้นจะกลายเป็นผู้แทนชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโดยอัตโนมัติ
ตัวเลือกที่เป็นไปได้
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังคลุมเครือในขณะนี้ยังไม่มีใครที่ถือเป็นตัวเก็งจะมาแทนที่ไบเดน แต่บรรดานักวิเคราะห์ก็เริ่มพิจารณาตัวเลือกที่พอจะเป็นไปได้ ดังนี้
คามาลา แฮร์ริส
ในสายตาคนทั่วไป แฮร์ริสน่าจะมีภาษีดีที่สุด โดยหากไบเดนตัดสินใจถอนตัวจากการแข่งขัน เขาอาจเสนอชื่อใครสักคนมาเป็นตัวแทน ซึ่งความเป็นไปได้อันดับหนึ่งน่าจะเป็นรองประธานาธิบดีวัย 59 ปี อย่างไรก็ตาม แฮร์ริสถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าไม่สามารถแสดงบทบาทที่โดดเด่นภายใต้รัฐบาลของไบเดน โดยคะแนนนิยมของเธออยู่ในระดับต่ำ ซึ่งสะท้อนว่าอาจเป็นเรื่องยากที่เธอจะเอาชนะ โดนัลด์ ทรัมป์ ท่ามกลางการรณรงค์หาเสียงที่ดุเดือด
เกวิน นิวซัม
ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียวัย 56 ปี เป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของไบเดน เขากล่าวกับสื่อมวลชนหลังการดีเบตว่า การหาผู้สมัครคนอื่นมาแทนไบเดนเป็น ‘เรื่องเหลวไหล’
เจบี พริตซ์เกอร์
มหาเศรษฐีผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์วัย 59 ปี มีผลงานสำคัญคือการทำให้อิลลินอยส์เป็น ‘รัฐศักดิ์สิทธิ์’ สำหรับผู้หญิงที่ต้องการทำแท้ง นอกจากนี้เขายังสนับสนุนการควบคุมอาวุธปืน และผลักดันกฎหมายการเปิดเสรีการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ
เกรทเชน วิตเมอร์
ผู้ว่าการรัฐมิชิแกนวัย 52 ปี เคยเป็นหนึ่งในผู้สมัครตำแหน่งรองประธานาธิบดีของไบเดนในการเลือกตั้งปี 2020 และผลงานที่ยอดเยี่ยมของพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งช่วงกลางเทอมนั้นได้อานิสงส์ส่วนหนึ่งมาจากผลงานของเธอในตำแหน่งผู้ว่าการรัฐ โดยนโยบายเด่นๆ ของวิตเมอร์นั้นรวมถึงกฎหมายอาวุธปืนที่เข้มงวด การยกเลิกการห้ามทำแท้ง และการสนับสนุนให้เด็กๆ เข้าเรียนก่อนระดับชั้นอนุบาล
เชอร์รอด บราวน์
บราวน์ วัย 71 ปี จะกลายเป็นแคนดิเดตที่อายุมากที่สุดในบรรดาตัวเลือกสำรองของพรรคเดโมแครต แม้เมื่อเทียบกับทรัมป์ เขายังมีอายุน้อยกว่าถึง 7 ปีก็ตาม บราวน์เคยสร้างความประหลาดใจเมื่อเขาตัดสินใจไม่ลงชิงชัยเป็นผู้แทนพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งประธานาธิบดี 2020 โดยในเวลานั้น เขาให้เหตุผลว่า การดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกของรัฐโอไฮโอทำให้เขารับใช้ประชาชนได้ดีที่สุด เขามีฐานเสียงในกลุ่มชนชั้นแรงงาน นอกจากนี้เขายังสนับสนุนการทำเด็กหลอดแก้วและการทำแท้งอีกด้วย
ดีน ฟิลลิปส์
ฟิลลิปส์เป็นหนึ่งในแคนดิเดตการเลือกตั้งขั้นต้นของพรรคเดโมแครตเมื่อต้นปีนี้ แม้เขาถูกมองว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกสำรอง แต่ก็น่าจะเป็นตัวเลือกลำดับท้ายสุด
สุดท้ายแล้ว ไบเดนจะไปต่อ หรือจะมีการเลือกตัวแทนคนใหม่หรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป แต่นักวิเคราะห์มองว่ามีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก และไบเดนยังมีโอกาสสูงที่จะเป็นแคนดิเดตของเดโมแครตต่อไปในการเลือกตั้งชิงเก้าอี้ผู้นำทำเนียบขาวในเดือนพฤศจิกายนนี้
#เลือกตั้งสหรัฐ2024
ภาพ: Mandel NGAN / AFP
อ้างอิง: