×

ภูมิใจไทยฝ่ายค้านน้องใหม่ระเบิดแรงแค้น ส่งขุนพลจัดหนักกฎหมายคาสิโน

โดย THE STANDARD TEAM
09.07.2025
  • LOADING...
ภูมิใจไทย

วันนี้ (9 กรกฎาคม) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม เป็นการพิจารณาตามระเบียบวาระคือ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .… หรือ Entertainment Complex ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ

 

ทั้งนี้ วันมูหะมัดนอร์แจ้งว่า ครม. ได้มีหนังสือมายังสภาขอถอนร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ออกจากระเบียบวาระการประชุม ซึ่งตามข้อบังคับที่ 61 กำหนดว่าการถอนร่าง พ.ร.บ. ที่ประธานสั่งบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมแล้ว จะกระทำได้เมื่อได้รับการยินยอมจากที่ประชุม ดังนั้นขอถามสมาชิกว่าเห็นเป็นอย่างอื่นหรือไม่

 

 

“ต้องการทราบเหตุผลที่แท้จริง”

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน

ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร

ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร 

 

 

ทำให้ ‘ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ’ สส. บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายว่าตนต้องการทราบเหตุผลที่แท้จริงของการที่ ครม. ขอถอนร่างกฎหมายฉบับนี้ออกจากการพิจารณาของสภา เพราะเข้าใจดีว่าในวันนี้ รัฐบาลมีเสียงข้างมากในสภาอยู่แล้ว ไม่ว่าฝ่ายค้านจะลงมติอย่างไร ครม. ก็สามารถถอนร่างออกได้โดยไม่มีอุปสรรค

 

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่า การถอนร่างในครั้งนี้เกิดจากการที่รัฐบาลเล็งเห็นข้อบกพร่องของร่างกฎหมายดังกล่าว และอาจต้องการนำกลับไปทบทวนอย่างรอบคอบ ตามข้อทักท้วงจากภาคประชาสังคมและภาคส่วนอื่นๆ ไม่ใช่เป็นการถอนเพียงเพราะกังวลว่าเสียงในสภาจะไม่เพียงพอ หรือกลัวว่าจะถูกโหวตคว่ำ

 

“ขอให้ตัวแทนจาก ครม. ชี้แจงเหตุผลของการถอนร่างอย่างชัดเจน เพื่อให้พวกเราในฝ่ายค้านสบายใจว่า รัฐบาลมีความจริงใจในการดำเนินการครั้งนี้จริงๆ และขอให้ตัวแทนจาก ครม. ลุกขึ้นรับรองในที่ประชุมสภาอย่างเป็นทางการว่า หากมีการถอนร่างในวันนี้แล้ว รัฐบาลจะยังไม่เสนอร่างกลับเข้าสู่สภาอีกครั้ง อย่างน้อยจนกว่าจะมีการศึกษาร่างกฎหมายฉบับนี้อย่างรอบด้านและเพียงพอ”

 

 

2 รัฐมนตรีช่วยจากพรรคเพื่อไทย

จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ 

เป็นตัวแทนรัฐบาลชี้แจงในการยื่นถอนร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร 

ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร

 

 

‘จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์’ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ตัวแทนจากฝ่ายรัฐบาล ชี้แจงว่า กฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายที่นำเสนอโดยกระทรวงการคลัง สำหรับเหตุผลในการถอนเรื่องดังกล่าวออกจากที่ประชุม เพราะด้วยสถานการณ์ทางการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก 

 

โดยเฉพาะการปรับองค์ประกอบของคณะรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาลอย่างมีนัยสำคัญ มีรัฐมนตรีใหม่ที่เข้าร่วมกับคณะรัฐมนตรีเกือบครึ่งถึง 14 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่ค่อนข้างมากจึงเป็นเหตุและผลที่เหมาะสม ให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่มีโอกาสทบทวนเพื่อพิจารณาให้รอบคอบอีกครั้ง 

 

จุลพันธ์ยอมรับว่า มีความไม่เข้าใจในเรื่องของตัวกฎหมายเจตนาของรัฐบาลมีความประสงค์ดีที่จะให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและให้เกิดการจ้างงานเกิดการลงทุนขนาดใหญ่เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลง และที่สำคัญปรับเปลี่ยนจุดประสงค์ด้านการท่องเที่ยว เชื่อว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ แต่ความเข้าใจในสังคมยังมีความหลากหลายและมีความจำเป็นต้องให้เวลาในการพิจารณาอย่างรอบคอบ กลไกการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายสามารถดำเนินการได้ในหลายขั้นตอน

 

รวมถึงขั้นตอนของสภาเป็นสิทธิอันชอบธรรมของสมาชิกอยู่แล้วหากกฎหมายใดก็ตามเข้ามาสู่การพิจารณาแล้วมีการปรับเปลี่ยนแก้ไขให้รัดกุมและเหมาะสมขึ้น นี่ไม่ใช่จุดสำคัญที่รัฐบาลบอกว่ากฎหมายมีปัญหาหรือไม่เพราะโดยหลักการและเหตุผลมีความเชื่อมั่นว่ามีประโยชน์ทางสังคม 

 

จุลพันธ์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าไทยมีปัญหารุมเร้าหลายประการทั้งปัญหาชายแดน ปัญหาเศรษฐกิจระดับโลก สงครามการค้า รัฐบาลรับทราบและต้องการลดปัจจัยในเรื่องความขัดแย้งในสังคมลง น่าจะช่วยผ่อนปรนสถานการณ์ให้ดีขึ้น จึงนำมาสู่การถอนร่างในวันนี้ซึ่งคาดว่าจะเป็นประโยชน์กว่า 

 

ส่วนจะนำร่างกฎหมายกลับเข้ามาใหม่ได้หรือไม่ วันนี้คงตอบไม่ได้ เพราะอำนาจหน้าที่คณะรัฐมนตรีมอบมาในวันนี้คือการมาถอนกฎหมาย ซึ่งมีจดหมายมายังประธานสภาผู้แทนราษฎรอย่างครบถ้วน ในประเด็นอื่นนอกเหนือจากนี้คงไม่สามารถให้คำตอบใดได้

 

ภูมิใจไทยต่อแถวรุมอภิปรายค้าน

 

การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ สส. พรรคภูมิใจไทยจำนวนมากต่างแสดงบทบาทฝ่ายค้านอย่างเต็มรูปแบบ หลังถอนตัวจากรัฐบาลเมื่อ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ต่างสะท้อนจุดยืนร่วมกันว่า ต้องการให้รัฐบาลเลิกเดินหน้ากฎหมายฉบับนี้อย่างสิ้นเชิง ไม่ใช่เพียงแค่ชะลอหรือเลี่ยงแรงต้านเฉพาะหน้าเท่านั้น

 

3 สส. พรรคภูมิใจไทย

จากซ้าย: วรศิษฎ์ เลียงประสิทธิ์ สส. สตูล, ไชยชนก ชิดชอบ สส. บุรีรัมย์ และ ภราดร ปริศนานันทกุล สส. อ่างทอง

ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร

 

 

เริ่มต้นด้วย ภราดร ปริศนานันทกุล สส. อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า ตนได้ฟังคำชี้แจงของจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กรณีการถอนร่างกฎหมาย Entertainment Complex แล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนว่า รัฐบาลจะไม่นำร่างนี้กลับเข้าสู่การพิจารณาอีกหรือไม่

 

ก่อนหน้านี้รัฐบาลเคยยืนยันว่าจะผลักดันร่างนี้เข้าสู่วาระโดยเร่งด่วน ข้ามทุกลำดับวาระให้ขึ้นเป็นวาระแรก ทั้งที่พรรคภูมิใจไทยแสดงจุดยืนคัดค้านชัดเจน และประชาชนก็ไม่เห็นด้วย ถึงขั้นออกมาชุมนุมต่อต้าน แต่ในวันนี้รัฐบาลกลับถอนร่าง โดยอ้างเหตุผลไว้ว่า อยากถอนเพราะมีประเด็นอื่นที่สำคัญกว่า เช่น เรื่องชายแดนกัมพูชา

 

เมื่อตนฟังเหตุผลนี้แล้วต้องฟังซ้ำ เพราะไม่เข้าใจว่ากัมพูชาเกี่ยวข้องอะไรกับคาสิโน ทำให้นึกถึงคลิปเสียงขึ้นมา จึงสงสัยว่า หรือจะมีดีลลับระหว่างนายกรัฐมนตรีกับอังเคิล ที่เคยพูดว่า “จะเอาอะไร บอกมา” แล้วสิ่งที่ว่าอยากได้นั้นคืออะไร รวมอยู่ในดีลนั้นด้วยหรือไม่

 

เมื่อวานรัฐมนตรีให้เหตุผลอีกว่า มีการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังที่เป็นต้นเรื่องในการผลักดันร่างนี้ แต่จนถึงวันนี้ ทั้ง 3 คนก็ยังอยู่เหมือนเดิม สิ่งที่เปลี่ยนคือไม่มี 69 เสียงของพรรคภูมิใจไทยอยู่ในรัฐบาลแล้ว เหตุผลที่แท้จริงจึงเป็นเรื่องการเมืองล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับประชาชนเลย

 

ภราดรกล่าวว่า ถ้านี่คือนโยบายเรือธง ที่จะสร้างรายได้เป็นแสนล้านบาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แล้วทำไมจึงถอน ตนจึงไม่แน่ใจว่ารัฐบาลเพียงชะลอ เพื่อกลับมาเสนอใหม่ในจังหวะที่เหมาะสมหรือไม่ แล้วเวลาเหมาะสมหมายถึงอะไร หมายถึงเมื่อไปดีลกับงูเห่าเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่

 

ทั้งนี้ ขอย้ำอย่าบิดเบือนเจตนารมณ์ของพรรคภูมิใจไทยว่าเห็นด้วยกับคาสิโน เพราะพรรคไม่เคยเห็นด้วย และไม่มีวันเห็นด้วย ที่ร่วมพิจารณาในวันนี้ก็เพื่อจะแสดงจุดยืนว่า การถอนร่างไม่เท่ากับการยกเลิก พรรคต้องการให้ร่างนี้ถูกยกเลิกอย่างชัดเจน ถอนทั้งร่าง ถอนทั้งราก

 

นโยบายคาสิโนยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน โดยรัฐมนตรีเองเคยเดินทางไปเยือนจีน และได้รับคำเตือนจากประธานาธิบดีสีจิ้นผิงถึง 2-3 เรื่อง ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นแนวทางที่สะท้อนท่าทีของรัฐบาลจีน เพราะ กรวีร์ ปริศนานันทกุล น้องชายของตนเองก็เคยเดินทางไปพบประธานสภาประชาชนแห่งชาติจีน และได้รับการยืนยันว่าจะไม่ให้คนจีนลงทุน บริหาร หรือเล่นการพนันในต่างประเทศด้วย

 

ภราดร กล่าวทิ้งท้ายว่า พรรคภูมิใจไทยจะยินยอมให้ถอนร่างได้ หากรัฐบาลยืนยันต่อสภา และประชาชนอย่างชัดเจนว่า ในสภาชุดนี้จะไม่มีการนำเรื่องคาสิโนหรือ Entertainment Complex กลับมาพิจารณาอีก แต่หากไม่มีคำยืนยันเช่นนั้น ตนจำเป็นต้องขอมติจากสภา เมื่อวันหนึ่งเข้าสู่สนามเลือกตั้ง ใช้นโยบายนี้หาเสียง ใครต้องการคาสิโนก็ให้เลือกพรรคเพื่อไทย แล้วถ้าได้กลับมารัฐบาลก็เสนอร่างอีก ตนก็จะไม่ว่าอะไร ขอเพียงแสดงจุดยืนให้ชัดเจนเท่านั้น

 

ด้าน สนอง เทพอักษรณรงค์ สส. บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่าต้องยอมรับความจริง ว่ากฎหมายฉบับนี้มีผลกระทบต่อประชาชนและประเทศชาติมากมายที่ผ่านมารัฐบาลได้อ้างเหตุผลความจำเป็นต่างๆ นานาผ่านประชามติ ประชาคม และประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยว่า จะเป็นการสร้างรายได้ใหม่ให้กับประเทศ ให้มีเงินมาพัฒนาประเทศมากมาย นั่นคือ ความจำเป็นที่ได้ยินรัฐบาลอ้างมา

 

แต่วันนี้ความจำเป็นต่างๆ ที่อ้างมานั้น หมดความจำเป็นแล้วหรือ ถึงขอถอนร่างกฎหมาย ตนจึงอยากถามรัฐบาลว่า จะพูดความจริงกับประชาชนในเวลากี่โมง มันดีหรือไม่ดีอย่างไร มีผลกระทบอย่างไร ก็บอกให้ประชาชนได้ทราบ 

 

พรรคภูมิใจไทยยินดีสนับสนุน แต่ที่ต้องการให้มีการพิจารณาเพราะตอนนี้ เพราะรัฐบาลทำเหมือนเล่นซ่อนหา รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า คาสิโนจะถอนไปหรือไม่ ก็ได้คำตอบว่า ขอถอยไปก่อน เมื่อถามย้ำอีกว่าจะ เอากลับมาอีกหรือไม่ ก็ตอบว่า ขอถอยไปก่อน 

 

“ถ้าเล่นกันแบบนี้เปรียบเหมือนผีหลอก พอถึงวันพระก็โผล่เอาเข้ามาหลอกสภา หลอกประชาชนอีก พวกผมขอให้มีการพิจารณาให้เด็ดขาด หากจำเป็นก็ลงมติ หากไม่จำเป็นก็ถอยออกไปไว้โอกาสหน้า เพราะตนเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะยังเป็นรัฐบาลอีกหลายสมัย”

 

นอกจากนี้ยังเห็นว่ามีพนันออนไลน์ ที่จะเอาขึ้นมาบนดินด้วย ซึ่งถือว่าอันตรายสำหรับประชาชน ตนฝากทิ้งท้ายว่า วันนี้ปัญหาของประเทศไทย ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนมีมากพออยู่แล้ว ตนไม่ทราบว่ามีผลประโยชน์อะไรแอบแฝงจึงอยากทำคาสิโน พรรคภูมิใจไทยไม่ขัดข้อง แต่เพียงขอให้มีการพิจารณาลงมติในวันนี้ จะได้ประกาศไปเลยว่า ผู้แทนราษฎรคนไหนที่สนับสนุนให้มีคาสิโนในประเทศไทย ประชาชนทั้งประเทศจะรับรู้ และจะได้เลือกถูกว่า พรรคนี้ ผู้แทนคนนี้ สนับสนุนคาสิโน

 

ขณะที่ วรศิษฎ์ เลียงประสิทธิ์ สส. สตูล พรรคภูมิใจไทย อภิปรายต่อว่า วันนี้สิ่งที่รัฐมนตรีหรือคณะรัฐบาลต้องทำคือ การพูดความจริงต่อสมาชิกรัฐสภาและประชาชน ที่ผ่านมา ได้มีการเร่งรัดให้เอากฎหมายฉบับนี้เข้ามาพิจารณาในสภา ทั้งที่มีคำวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนทั้งประเทศ โดยผลสำรวจปรากฏผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายนี้ 60-80% ซึ่งสามารถแทนประชาชนทั้งประเทศได้ แต่ในขณะนั้น รัฐบาลได้บอกว่ามีการพูดคุย และทำความเข้าใจกับประชาชนแล้ว และกล่าวว่า พ.ร.บ. ฉบับนี้ควรเอามาพิจารณาเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ

 

แต่เมื่อบรรจุเข้าระเบียบวาระแล้ว ก็ต้องเอาเข้าไปต่อท้าย ซึ่งทำให้เกิดความไม่ทันใจ ไม่รวดเร็ว จึงต้องขอเลื่อนเป็นระเบียบวาระแรก แม้แต่วันที่เกิดแผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ในขณะที่เหตุการณ์กำลังโกลาหล รัฐบาลก็ยังสามารถเลื่อน พ.ร.บ. ฉบับนี้ ขึ้นมาพิจารณาเป็นอันดับหนึ่ง จากท้ายแถวขึ้นมาอยู่หัวแถวได้ ตนก็นับถือใจ

 

วรศิษฎ์กล่าวว่า พ.ร.บ. ฉบับนี้ มีความสำคัญเป็นอย่างมาก แต่ไม่ได้มีความสำคัญสำหรับพรรคภูมิใจไทย และประชาชน ในวันนี้รัฐบาลบอกว่าจะถอนร่างกฎหมายด้วยสาเหตุหนึ่งว่า ประชาชนทั้งประเทศยังไม่เข้าใจ แต่เมื่อช่วงที่ต้องการที่จะเอาเข้ามา กลับบอกว่าประชาชนเข้าใจเป็นอย่างดี

 

วรศิษฎ์กล่าวว่า การบริหารประเทศ ไม่ใช่การเล่นขายของ ที่นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ หากคำนึงถึงประชาชนจริงๆ ต้องถอนก่อนหน้านี้มาตั้งนานแล้ว เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีเสียงคัดค้านมาโดยตลอด และต้องยอมรับว่าที่จะถอนในวันนี้ เป็นเพราะเป็นเรื่องของการเมือง เนื่องจากกลัวว่าจะโหวตแพ้ เพราะเสียงในฝั่งรัฐบาลไม่ได้มีเสถียรภาพเหมือนในอดีต

 

“วันนี้รัฐบาลควรที่จะยอมรับความจริงกับประชาชน ถึงสาเหตุที่แท้จริงในการถอนร่างกฎหมายฉบับนี้ออกไป และที่สำคัญคือ ควรที่จะแสดงความรับผิดชอบ โดยการขอโทษ ว่ากฎหมายฉบับนี้ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเสนอเข้าในสภาตั้งแต่แรก และขอโทษต่อประชาชนที่ไม่เคยฟังเสียงในการคัดค้าน และต้องยืนยันว่าจะไม่เดินหน้ากฎหมายเรื่องนี้อีก”

 

วรศิษฎ์กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนพูดเรื่องนี้ด้วยความปรารถนาดี ถ้าหากรัฐบาลทำและยอมรับในตอนนี้ ประชาชนก็อาจจะยังให้อภัยอยู่

 

 

ไชยชนก ชิดชอบ ลุกขึ้นอภิปรายสรุปของพรรคภูมิใจไทย

อยากให้รัฐบาลฟังเสียงค้านจากพรรคประชาชน

ภาพ: ฐานิส สุดโต 

 

 

ปิดท้ายด้วย ไชยชนก ชิดชอบ สส. จังหวัดบุรีรัมย์ ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวอภิปรายสรุปว่า ตนเองขอใช้เวลาในการอธิบายถึงประชาชนในประเด็นแรกที่กล่าวหาว่า อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นำข้อมูลในที่ประชุมลับออกมาเผยแพร่ในพื้นที่สาธารณะนั้น ว่า ไม่ใช่การประชุมลับ เป็นการประชุมเปิด มีเอกสาร และมีรายงานออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย ซึ่งเป็นความคิดเห็นของผู้นำประเทศจีน

 

ส่วนการพาดพิงไปยังพรรคภูมิใจไทยว่า เราเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เวลาเปลี่ยนไป ตำแหน่งเปลี่ยน ความคิดเห็นเปลี่ยน ไชยชนกกล่าวว่า ตนเองอยากให้พี่น้องประชาชนเข้าใจว่า พวกเรามีเปลี่ยนตั้งแต่ตอนเป็นรัฐบาล และเหตุผลที่เปลี่ยนเป็นเพราะพรรคเรามีจุดยืน คือ ทำเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 

 

สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ พ.ร.บ. นี้คือ มีพี่น้องประชาชนแสดงเจตจำนงอย่างชัดเจน เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีตัวแทนจากทุกศาสนา ส่งจดหมายไปถึงนายกรัฐมนตรี ว่าไม่เห็นด้วย เพราะฉะนั้น สำหรับตนเองอย่างไรก็ตามต้องเปลี่ยน แม้จะมีความคิดเห็นอย่างไรมาก่อนคนอื่น แต่หลายท่านที่เห็นด้วยพอเห็นเช่นนี้ เพราะเราทำเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราก็ต้องเปลี่ยน คำถามที่ต้องถามคือ ทำไมท่านถึงไม่เปลี่ยน ท่านไม่ฟังเสียงของชาติ และศาสนาหรือไม่

 

ไชยชนก กล่าวอีกว่า ทำไมพวก เราไม่อยากให้ถอน ไม่เห็นด้วยกับการถอน เราเห็นตรงกันว่า ปัจจุบันนี้ประเทศเรากำลังเผชิญกับหลายภัยหลายเรื่อง ทั้งภัยเศรษฐกิจ ความมั่นคง ภัยสังคม และยังมีภัยธรรมชาติ เราเห็นตรงกันว่ามีหลายภัยมากๆ พวกเราต้องให้ความสำคัญ เพื่อให้พี่น้องประชาชนไม่ได้รับความเสียหาย 

 

แต่สิ่งที่เห็นชัดแล้ว และพี่น้องประชาชนเข้าใจตรงกันจากการตอบของรัฐมนตรีคือการถอนนั้นไม่ใช่การยุติ การถอนไม่ใช่เลิกที่จะทำเรื่องนี้ ตราบใดที่เรื่องนี้ยังอยู่ในสภา ก่อให้เกิดปัญหาสังคมได้อย่างแน่นอน พี่น้องประชาชนตัดสินใจลงถนนได้อย่างแน่นอน

 

ไชยชนกกล่าวว่า การที่เราไม่ตัดจบเรื่องนี้ในวันนี้ เปรียบเสมือนการที่เราไม่ทำให้ปัญหาสังคมปัญหาประเทศอย่างหนึ่งยุติไป ทำให้เราไม่สามารถไปแก้ไขปัญหาอื่นๆ ด้วยสมาธิของทุกส่วน สำหรับพรรคภูมิใจไทยเราไม่เห็นด้วยในการถอน เพราะเราไม่เชื่อมั่น ไม่มั่นใจในเจตนารมณ์ของท่าน เราอยากให้ท่านรับฟังเสียงของพี่น้องประชาชนที่พูดมาโดยตลอด ดังขึ้นเรื่อยๆ และจะดังขึ้นอีก ดังนั้นพอเถอะ เรื่องนี้เราไม่เห็นด้วยกับการถอน และเรามีเจตนาที่จะยุติเรื่องนี้ในวันนี้

 

 

อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย 

ในฐานะ สส. บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 เข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร 

เพื่อพิจารณาถอน พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ออกไปก่อน

ภาพ: ฐานิส สุดโต

 

 

จากนั้น เวลา 12.55 น. พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมในขณะนั้น ได้ขอมติที่ประชุมว่า จะยินยอมให้ถอนร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ออกจากระเบียบวาระการประชุมหรือไม่ 

 

ผลปรากฏว่า จากจำนวนสมาชิก 318 เสียง เห็นด้วย 253 เสียง ไม่เห็นด้วย 67 เสียง งดออกเสียง 0 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 0 เสียง เป็นอันว่า ที่ประชุมมีมติยินยอมที่จะถอนร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ออกจากระเบียบวาระการประชุม

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising