วันนี้ (12 มกราคม) ศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย และสมชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดราม่ากัญชาระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand โดยมีผู้ดำเนินรายการคือ ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ และอมรรัตน์ มหิทธิรุกข์ โดยการสัมภาษณ์ครั้งนี้ได้มีการกล่าวอ้างถึง ปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ในฐานะโฆษก ป.ป.ส. ที่ได้มีการแถลงว่ากฎหมายกัญชาแก้แล้วก็จริง กัญชาสามารถปลูกได้แล้วก็จริง แต่มีเงื่อนไขว่าการปลูกกัญชาจะต้องได้รับอนุญาตก่อน ถ้าไม่ได้ขออนุญาตถือว่าผิดกฎหมาย เพราะว่ากัญชาก็คือยาเสพติดประเภท 5 แม้ว่าจะมีการปลดล็อกแล้ว
ศุภชัยกล่าวชี้แจงว่า จากเดิมประเทศไทยมีกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด คือ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยาเสพติดปี 2522 ในมาตรา 7 ประเภท 5 ระบุไว้ว่า กัญชาเป็นยาเสพติดประเภท 5 ใช้มาตั้งแต่ปี 2522 จนกระทั่งรัฐสภาชุดปัจจุบัน คือ ส.ส. และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้ร่วมกันพิจารณากฎหมายอีกฉบับหนึ่ง กฎหมายหลักคือ ประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งตนเองเป็นรองกรรมาธิการฯ และร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดนี้ มาตรา 29 บอกว่า ประเภท 1 คืออะไร ประเภท 2 คืออะไร จนถึงประเภท 5 คืออะไร ตามประมวลปี 2564 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2564 หลักสำคัญคือ ยกเลิกกฎหมายเก่าของปี 2522 พอเริ่มใหม่ไม่มีกัญชาแล้ว ที่ไม่มีกัญชาเพราะว่าเป็นเจตนารมณ์ของรัฐบาลชุดนี้ โดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายกับรัฐสภาว่า จะสนับสนุนกัญชา และโดยตลอดที่ผ่านมา อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็สนับสนุนให้นำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ขยายจนเป็นอาหาร จนกระทั่งในที่สุดกฎหมายก็ออกมา และประเภท 5 ก็ไม่ได้ใส่คำว่ากัญชาไว้
ถ้าเจตนารมณ์ต้องการให้มีกัญชา ก็ต้องเสนอร่างมาตั้งแต่แรกว่าให้มีกัญชา และถ้าสมาชิกรัฐสภาต้องการให้มีกัญชา ท่านก็ต้องแปรญัตติใส่กัญชาเข้าไป หรือถ้ากรรมาธิการประสงค์ให้มีกัญชาก็ต้องสงวนความเห็นขอใส่กัญชาเข้าไป แต่ขณะนี้ไม่มีกัญชา เพราะเราได้คิดตรงกันว่ากัญชาจะถูกปล่อยให้เป็นประโยชน์และไม่เป็นยาเสพติดอีกต่อไป
“สำหรับที่ ป.ป.ส. ได้ตีความว่าพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด คือประมวลใหม่นี้ มาตรา 8 บอกว่าประกาศอะไรที่ยังไม่ถูกยกเลิกก็ให้ใช้ได้ต่อไป แต่พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดมาตรา 8 นี้ ระบุไว้ ประกาศที่ใช้ได้ต้องไม่ขัดหรือแย้งกับประมวล ถ้าถามตนเองก็คือประเภท 5 ไม่มีกัญชาแล้ว แล้วอยู่ๆ ทาง ป.ป.ส. บอกว่าใครปลูกกัญชาต้องขออนุญาต ผมจึงบอกว่ามันก็ขัดหรือแย้งกับประมวลใหม่ นี่คือการตีความ และเมื่อถามนักกฎหมายทั่วไปก็เห็นตรงกับผม นี่คือเจตนารมณ์ของกฎหมาย ซึ่งกฎหมายอาญาจะต้องตีความอย่างเคร่งครัด” ศุภชัยกล่าว
ศุภชัยกล่าวต่อไปว่า ขณะที่ ป.ป.ส. ระบุว่ากลุ่มหรือบุคคลที่สามารถปลูกกัญชาได้นั้นมีอยู่แค่ 4 กลุ่มเท่านั้น คือ หน่วยงานของรัฐ, ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์, สถาบันอุดมศึกษาที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัย และผู้ประกอบอาชีพอิสระ อย่างเกษตรกรที่รวมกลุ่มกันเป็นวิสาหกิจชุมชน บุคคล 4 กลุ่มนี้สามารถปลูกกัญชาได้เท่านั้น ศุภชัยกล่าวด้วยว่า จริงๆ ป.ป.ส. อ้างตามกฎหมายเก่าและอ้างแบบไม่ทันสมัย หลังจากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศขยายเป็น 7 กลุ่มแล้ว ไม่ใช่ 4 กลุ่มอย่างที่ทาง ป.ป.ส. กล่าวอ้าง และขอย้ำว่าปัจจุบันกฎหมายเก่าได้ถูกยกเลิกไปแล้ว หลักการสำคัญวันนี้คือ ไม่มีอยู่ตรงส่วนไหนของประมวลกฎหมายยาเสพติดไว้เลยว่า ‘กัญชาเป็นยาเสพติด’
นอกจากนี้ยังได้มีการติดตามข้อมูลว่าหลังวันที่ 9 ธันวาคม 2564 เป็นต้นมา ซึ่งประมวลกฎหมายยาเสพติดมีผลบังคับใช้แล้ว แต่มีคดีที่ชาวบ้านถูกจับและฟ้องคดี จำเลยรับสารภาพ ศาลก็ลงโทษ แต่เท่าที่ตรวจดูปรากฏว่าศาลได้ฟ้องตามกฎหมายเดิม ซึ่งกฎหมายนั้นได้ถูกยกเลิกไปแล้ว นี่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ในกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้องให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรมให้กลับไปย้อนดูคดีหลังวันที่ 9 ธันวาคม 2564 ว่ามีการถูกฟ้องหรือว่าพิพากษาคดีตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดที่ถูกยกเลิกหรือไม่
“ล่าสุดเมื่อเช้านี้มีผู้ที่เป็นอัมพฤกษ์ติดต่อมา โดยบอกว่าปลูกกัญชาไว้ 1 ต้นเพื่อที่จะนำมารักษาตนเอง แต่ปรากฏว่าตำรวจไปจับและนำตัวไปโรงพัก และได้ประกันตัวที่ชั้นโรงพักแล้ว เขาได้โทรมาปรึกษาตามที่ประกาศไว้ เห็นได้ว่านี่คือกรณีที่ปลูกกัญชาเพื่อที่จะรักษาตนเอง และนี่คือสิ่งที่กำลังวิกฤต และวันนี้ ส.ส. ภูมิใจไทย จะร่วมกันออกมายืนยันเพื่อที่จะดูแลและปกป้องประชาชน” ศุภชัยกล่าวทิ้งท้าย