วันนี้ (24 มิถุนายน) ที่พรรคภูมิใจไทย ไชยชนก ชิดชอบ สส. บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เดินทางมาประชุม สส. ของพรรคภูมิใจไทย โดยเปิดเผยถึงการประชุมที่มีแนวคิดเป็นฝ่ายค้านสร้างสรรค์ว่า ก็น่าตื่นเต้นดี สำหรับตนเป็นประสบการณ์ใหม่ ซึ่งก็มีเพื่อนสมาชิกที่มีประสบการณ์เยอะ ขอให้รอชมว่าจะออกมาเป็นอย่างไร
ส่วนที่หลายคนสบประมาทว่าพรรคภูมิใจไทยไม่เคยเป็นฝ่ายค้านนั้น ไชยชนกกล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งไหนเจตนาพวกตนก็เหมือนเดิม ทำเต็มที่เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตนว่าน่าตื่นเต้นดี ตอนแรกก็เป็นห่วงนิดหน่อย แต่พอมาเป็นฝ่ายค้านไม่ได้อยู่ฝ่ายบริหารแล้ว ภัยต่างๆ ที่พวกตนกังวล และอภิปรายไปก็ยังคงอยู่ มีแต่จะหนักขึ้นๆ ทั้งภัยธรรมชาติ เศรษฐกิจสังคม และความมั่นคง ซึ่งก็กังวลตอนแรก
แต่หลังจากพิจารณาร่วมกันกับกรรมการบริหารพรรค ก็คิดว่าแบบนี้เป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อยากให้เป็นห่วง จึงขอฝากไปถึงประชาชนที่เป็นห่วงพวกตนว่า ลงพื้นที่มาก็มีแต่คนให้กำลังใจ และอยากบอกว่าอดีตรัฐมนตรี กรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรคภูมิใจไทยทุกคน
แม้ไม่ได้อยู่ฝ่ายบริหารแล้ว แต่สิ่งที่เราสามารถทำได้อาจลดลงตามอำนาจหน้าที่ที่รับผิดชอบ แต่พรรคภูมิใจไทยทั้งหมด เราไม่ได้ขึ้นอยู่กับฝ่ายบริหารอยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมาเราก็สามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้หลายรูปแบบ แล้วเชื่อว่าเราจะสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมขอบคุณทุกกำลังใจ และจะทำงานต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงหน้าตาคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ที่จะมาทำหน้าที่แทนพรรคภูมิใจไทย จะฝากความหวังได้หรือไม่ ไชยชนก ระบุว่า พูดไม่ได้ ต้องดูที่การกระทำของฝ่ายบริหาร ซึ่งเป็นหน้าที่ที่จะต้องพิสูจน์ ให้พี่น้องประชาชนเห็นว่าเจตนาของการจัดตั้ง และการปรับครม.ใหม่ รวมถึงผู้ที่ถูกรับเลือกเป็นรัฐมนตรีใหม่ มีเจตนาที่จะทำเพื่อประเทศชาติจริงหรือไม่ ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของตนที่จะตัดสิน แต่เป็นหน้าที่ของประชาชน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า อยากฝากอะไรในส่วนของกระทรวงพรรคภูมิใจไทยเคยรับผิดชอบนั้น ไชยชนกกล่าวว่า ถ้าเป็นไปได้อยากให้คำนึงว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น ใหญ่กว่าพวกเราทุกคน ใหญ่กว่าพรรค ใหญ่กว่าสี จึงไม่อยากให้เกิดปัญหาซ้ำรอยเดิม ไม่อยากให้คิดว่า สิ่งที่พรรคภูมิใจไทยทำไว้เป็นสิ่งที่จะสร้างคะแนนให้กับพรรคภูมิใจไทย เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นหลายเรื่องเป็นปัญหาที่ทางพรรควางรากฐานไว้ ในการแก้ไขปัญหา ก็อยากให้สานต่อหากเป็นไปได้ และวางเรื่องพรรคเอาไว้ข้างหลัง เอาประโยชน์ของประชาชนขึ้นมาก่อน
เพราะสิ่งที่พรรคทำไม่ใช่แค่เรื่องนโยบายแต่มีเรื่องของภัยธรรมชาติ ที่พวกตนลงไปในแต่ละพื้นที่ ก่อนที่จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ ขณะนี้ถือว่า ผ่านไปแล้วแต่ในอนาคตอาจจะหนักขึ้น และอาจจะมีอีกหากไม่สร้างการตื่นตัวในการรับมือต่อไป ผลกระทบก็จะเกิดกับประชาชน รวมถึงภัยความมั่นคง และเรื่องเศรษฐกิจที่มีแต่จะแย่ลง ตอนนี้มีแต่สงครามจะรุนแรงขึ้น และจะกระทบกับเศรษฐกิจแน่นอน จึงอยากให้พูดความจริงกับประชาชน บอกเขาไปว่า เศรษฐกิจจะแย่ลง และจะมีปัญหาสังคมตามมาอีกมากมาย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ให้เวลารัฐบาลทำงานแค่ไหน จึงจะตรวจสอบและยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ไชยชนกระบุว่า พวกตนขอทำเต็มที่อย่างเดียว ในหน้าที่ที่รับผิดชอบ แต่ต้องยอมรับว่า พวกตนมีประสบการณ์ในด้านกลายเป็นฝ่ายค้าน คือ ศูนย์ จึงเป็นสิ่งที่เราต้องพูดคุยกันในการประชุมพรรคในครั้งนี้ แต่ขอยืนยันว่า เราทำเต็มที่เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ไม่ใช่เรื่องของการให้เวลาหรือไม่ให้เวลา แต่เป็นหน้าที่ของพวกตนที่ต้องทำไม่ว่าจะเวลาไหน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ตอนนี้ข้อมูลโดยเฉพาะไทยกัมพูชามีเพียงพอที่จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วหรือไม่ ไชยชนกกล่าวว่า ตนคิดว่าไม่ใช่ข้อมูลนี้ที่ตนมีเท่านั้น ทุกคนก็มี ประชาชนก็เห็น เพราะฉะนั้นก็ต้องรอดู
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มากพอที่จะซักฟอกได้หรือไม่ ไชยชนกย้อนสื่อว่า “พี่คิดพอไหมครับ” พร้อมบอกว่า แต่อันนี้ก็ต้องมีการพูดคุยกันในพรรคก่อน