วันนี้ (3 กันยายน) ที่ สน.ดุสิต ศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคภูมิใจไทย เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลดุสิต เพื่อให้ดำเนินคดีกับภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2–3 กันยายนที่ผ่านมา ภูมิธรรม ในฐานะปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงสถานการณ์การเมืองว่า ขณะนี้ระบบประชาธิปไตยไม่เป็นไปตามครรลอง หลังพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยตกลงร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยพรรคประชาชนโหวตสนับสนุนแต่ไม่เข้าร่วมรัฐบาล ทำให้เกิดสภาพ 3 กลุ่มทางการเมือง ได้แก่ พรรคเพื่อไทยทำหน้าที่ฝ่ายค้าน พรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย และพรรคประชาชนมีบทบาททั้งในและนอกรัฐบาล ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ทั้งนี้ ภูมิธรรมกล่าวอีกว่า การแก้ปัญหาความสับสนอลหม่านในบ้านเมืองควรคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจ แต่เรื่องดังกล่าวเป็นพระราชอำนาจ จึงได้ตัดสินใจยื่นทูลเกล้าพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรไปแล้วตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2568 และยืนยันว่าเป็นการดำเนินการตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ
ศุภชัยเห็นว่า การกระทำดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจาก ปกรณ์ นิลประพันธ์เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเป็นที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาล เคยมีความเห็นว่า รักษาการนายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจยื่นพระราชกฤษฎีกายุบสภาได้ การกระทำดังกล่าวจึงอาจก่อให้เกิดความไม่เหมาะสมและระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท
ศุภชัยจึงยื่นร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับนายภูมิธรรมในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมขอให้ขยายผลดำเนินคดีกับผู้มีส่วนร่วมกระทำผิดด้วย หากพบหลักฐานเพิ่มเติมจากการสอบสวน
ศุภชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า ในขณะเดียวกันได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนว่าถ้าหากพบว่าภูมิธรรมมีการกระทำความผิดในกฎหมายอื่นก็ขอให้ดำเนินคดีในความผิดนั้นๆ ด้วย และหากพบว่ามีบุคคลอื่น ซึ่งได้ร่วมกระทำความผิดร่วมกับภูมิธรรม ก็ขอให้ดำเนินคดีกับบุคคลเหล่านั้นในฐานะผู้ที่เป็นตัวการร่วมด้วย เนื่องจากในวันนี้ประชาชนทั้งประเทศอยู่ระหว่างเฝ้าดูการกระทำของคนภูมิธรรม โดยที่ภูมิธรรมไม่ได้สนใจความคิดเห็นของประชาชน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าส่วนที่กล่าวถึงบุคคลอื่น หมายถึงทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ศุภชัย ตอบว่า ขณะนี้ไม่ขอระบุ แต่ยืนยันว่ากระบวนการทูลเกล้ายุบสภาที่เกิดขึ้นทำให้ข้าราชการประจำหลายฝ่ายรู้สึกอึดอัดและไม่ต้องการดำเนินการ จึงขออย่าได้มีการขู่เข็ญหรือบังคับข้าราชการ หากพบว่าหน่วยงานใดให้การสนับสนุน ก็ขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย
ศุภชัยกล่าวอีกว่า ตนมีข้อมูลเพียงพอในขณะนี้ และขอเรียกร้องให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมเสนอว่าควรกลับไปตั้งหลักใหม่ เพราะการเมืองเป็นเรื่องปกติ ทุกฝ่ายล้วนผ่านประสบการณ์มาด้วยกัน สิ่งสำคัญคือการเปิดทางให้ประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไป
ส่วนกรณีการแจ้งความว่าอาจนำไปสู่การดำเนินคดีตามมาตราอื่น เช่น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพิ่มเติมหรือไม่ ศุภชัยย้ำว่า ไม่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 แต่อย่างใด