“ทำไมพี่เขียนคำว่าเกินเยียวยาที่ข้างรถกระบะ” ทีมข่าวถามเจ้าของรถกระบะที่จอดจมโคลนหน้าบ้านหลังจากที่เห็นข้อความดังกล่าวเด่นสะดุดตา ซึ่งเจ้าของรถเพียงเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มและก้มหน้าล้างพื้นบ้านตัวเองต่อกับคนในครอบครัว
บ้านหลังนี้เป็นอีกหนึ่งครอบครัวผู้ประสบภัยน้ำท่วมครั้งใหญ่ในพื้นที่ซอยเกาะทราย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ที่ทีมข่าวได้บันทึกภาพและร่วมพูดคุยระหว่างลงพื้นที่วันนี้ (26 กันยายน)
สำหรับซอยเกาะทรายเป็นซอยย่อยที่อยู่ใกล้กับด่านพรมแดนแม่สายแห่งที่ 1 เชื่อมต่อกับซอยบ้านไม้ลุงขน สองพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเหตุน้ำท่วมช่วงวันที่ 10-15 กันยายนที่ผ่านมา
หลังจากที่ประชาชนสามารถกลับเข้าบ้านเรือนของตัวเองได้ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน ณ วันนี้คือวันที่ 11 ของการฟื้นฟู ซึ่งซอยเกาะทรายได้รับความช่วยเหลือจัดการภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ในถนนสายหลักมีรถแบ็กโฮขนาดใหญ่ของกองทัพคอยตักโคลนส่งต่อให้รถบรรทุกเอกชนนำโคลนไปทิ้งตามจุด มีสารวัตรทหารจัดการจราจร และมีพลทหารให้คำแนะนำพร้อมลงแรงช่วยเหลือแต่ละบ้านเรือน
ทำให้ตอนนี้ถนนสายหลักและซอยย่อยสามารถสัญจรได้ เหลือเพียงกองโคลนริมข้างทางที่ถูกผลักดันออกมาจากบ้าน แต่ทั้งนี้ปัญหาของซอยเกาะทรายคือระบบสาธารณูปโภคน้ำและไฟยังไม่ถูกจ่ายตามปกติ ทำให้ประชาชนไม่สามารถทำความสะอาดคราบโคลนและน้ำได้อย่างเต็มที่ ทำได้เพียงขนโคลนและขยะทิ้ง
สามีภรรยาคู่หนึ่งที่เป็นเจ้าของบ้านเล่าว่า วันที่น้ำไหลทะลักเข้ามากระแสน้ำไหลเร็วและแรงมาก จากที่คิดว่าน้ำจะเข้าถึงในบ้านระดับเข่า แต่ปรากฏว่าไม่กี่ชั่วโมงน้ำท่วมเต็มชั้น 1 ต้องหนีขึ้นไปอยู่ชั้น 2 และได้กลายเป็นผู้ประสบภัยเต็มรูปแบบ ซึ่งมีหลายบ้านที่เป็นผู้สูงอายุติดอยู่บนชั้น 2 ของบ้าน เนื่องจากหนีน้ำไม่ทัน ต้องรอความช่วยเหลือและอดอาหาร 2-3 วัน รองน้ำฝนเพื่อดื่มและชำระร่างกาย บ้านไหนที่นับถือศาสนาพุทธก็ได้ประทังความหิวจากผลไม้ที่ถวายพระบนหิ้ง
“แม่อยู่บ้านหลังนี้จนมีลูก และลูกอายุ 40 ปี ไม่เคยพบเคยเจอเรื่องแบบนี้ วันที่ต้องตัดใจออกจากบ้าน ลูกโทรศัพท์มาบอกแค่ว่า ให้แม่รักษาชีวิตตัวเองออกมาหาลูกก่อน ทิ้งให้หมดทุกอย่าง” หนึ่งในผู้ประสบภัยกล่าว