วานนี้ (30 ตุลาคม) ฝนตกลงมาอย่างหนักในเขตเทศบาลเมืองเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา จนเกิดน้ำท่วมถนนจันทโรทัย ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองเบตง ทำให้ถนนเปลี่ยนไปเป็นคลองในพริบตา ร้านค้า บ้านเรือนประชาชนที่อยู่บริเวณริมถนนก็ถูกน้ำไหลบ่าเข้าท่วมอย่างรวดเร็วจนชาวบ้านขนย้ายข้าวของหนีน้ำไม่ทัน
ขณะที่บริเวณหน้าตลาดสดเทศบาลเมืองเบตง น้ำได้ไหลเข้าท่วมร้านค้าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามตลาด ทำให้ร้านค้าถูกน้ำท่วมไปหลายสิบร้าน เช่นเดียวกับบริเวณถนนสุขยางค์ และถนนสโมสร ซอย 3 ซึ่งเป็นบริเวณที่ถูกน้ำท่วมหนักที่สุด บ้านเรือนชาวบ้านไม่ต่ำกว่า 30 หลังถูกน้ำเข้าท่วม หลังจากฝนหยุดตกน้ำก็ลดลงอย่างรวดเร็ว แต่บ้านเรือนชาวบ้านและร้านค้าที่ถูกน้ำท่วมก็เต็มไปด้วยดินโคลนที่มากับน้ำ เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองเบตงและอีกหลายหน่วยงานเร่งเข้าช่วยเหลือเบื้องต้น โดยนำรถน้ำและกำลังเจ้าหน้าที่เข้าช่วยล้างบ้านและร้านค้าที่ถูกน้ำท่วม พร้อมทั้งเร่งดำเนินการสำรวจตรวจสอบร้านค้า บ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมในครั้งนี้
สกุล เล็งลัคน์กุล นายกเทศมนตรีเมืองเบตง เปิดเผยว่า สาเหตุของน้ำท่วมเกิดจากฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้น้ำบนภูเขาไหลลงมาอย่างรวดเร็วและแรง จึงทำให้น้ำไหลบ่าเข้าท่วมบริเวณถนนสโมสร ซอย 3 และน้ำได้ไหลต่อไปเข้าท่วมถนนสุขยางค์ ก่อนที่จะไหลไปบริเวณถนนจันทโรทัย และหน้าตลาดสดเทศบาลเมืองเบตง ส่วนสาเหตุที่น้ำเข้าท่วมร้านค้าที่อยู่บริเวณหน้าตลาดสดเทศบาลเมืองเบตง เนื่องจากบริเวณนั้นถนนสูงกว่าทางเท้า
สกุลกล่าวต่อไปว่า เบื้องต้นตนได้สั่งการให้หน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองเบตงนำรถน้ำและเจ้าหน้าที่เข้าช่วยทำความสะอาด ล้างบ้าน ขนย้ายข้าวของที่เสียหายไปทิ้งแล้ว ส่วนการแก้ปัญหาระยาว ขณะนี้ได้ทำโครงการอุโมงค์ผันน้ำจากบริเวณถนนสโมสร ซอย 3 ให้น้ำไปลงอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งจะทำให้น้ำไม่ท่วมในย่านเศรษฐกิจของเมืองเบตง แต่เนื่องจากเกิดสถานการณ์โควิด จึงทำให้โครงการต่างๆ ต้องชะลอและล่าช้าออกไป
สำหรับพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส โดยในช่วงวันที่ 30 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายนนี้ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 2-5 พฤศจิกายน มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก