Betagro Ventures หน่วยงานด้านการลงทุนและพัฒนานวัตกรรมภายใต้บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG บริษัทอาหารครบวงจรชั้นนำของไทย ประกาศความสำเร็จในการร่วมลงทุนส่งเสริมการพัฒนาโปรตีนทางเลือกด้วยนวัตกรรม ‘Mycelium-based’ และ ‘Infinite Roots’ บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีชีวภาพอาหารชั้นนำของยุโรป โดยการร่วมลงทุนในครั้งนี้ถือเป็นระดมทุนในธุรกิจพัฒนา Mycelium-based ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปภายใต้วงเงิน 58 ล้านดอลลาร์ นำโดย Dr. Hans Riegel Holding (บริษัทแม่ Haribo), European Innovation Council (EIC) Fund และ REWE Group (ธุรกิจค้าปลีกชั้นนำของเยอรมนี) พร้อมนักลงทุนเดิมที่ร่วมลงทุนในโปรเจกต์นี้
ชยธร แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่ กลุ่มงานกลยุทธ์และนวัตกรรม บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า Betagro Ventures เป็นหน่วยงานด้านการลงทุนระดับองค์กรของเบทาโกร ที่มุ่งเน้นสร้างธุรกิจร่วมลงทุนและการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพทั้งในประเทศและต่างประเทศภายใต้ 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ ส่งเสริมและสนับสนุนการเข้าถึงอาหารคุณภาพสูงของผู้บริโภค การสร้างแหล่งโปรตีนใหม่ที่ยั่งยืน ตลอดจนการพัฒนาห่วงโซ่ธุรกิจอาหารของเบทาโกรให้มีความแข็งแกร่ง นำไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืนและยกระดับอุตสาหกรรมอาหารของไทยในที่สุด
“การร่วมลงทุนกับ Infinite Roots ถือเป็นการลงทุนครั้งแรกของ Betagro Ventures ด้วยความเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของ Infinite Roots ในการสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนและดีต่อสุขภาพ ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านอาหารที่ทันสมัย โดยเฉพาะแพลตฟอร์มเทคโนโลยีการหมักไมซีเลียม (Mycelium Fermentation Technology Platform) และการพัฒนาโปรตีนทางเลือกที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการจากเห็ด (Mycelium-based) มาสู่ประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันและอนาคต นอกจากนี้การร่วมลงทุนครั้งนี้ยังแสดงถึงความมุ่งมั่นของ Betagro Ventures ในการเป็นพันธมิตรกับสตาร์ทอัพและทีมงานด้านนวัตกรรม สะท้อนถึงศักยภาพในการประสานความร่วมมือกับธุรกิจหลักของเบทาโกรในระยะยาว และเป็นการสร้างตลาดใหม่สำหรับเบทาโกร”
สำหรับ Infinite Roots เป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีชีวภาพอาหารชั้นนำของยุโรป เป็นผู้นำในการพัฒนาโปรตีนทางเลือกด้วยนวัตกรรม Mycelium-based เข้าสู่ห่วงโซ่การผลิตอาหารของโลก โดยมีแผนที่จะขยายตลาดโปรตีนทางเลือกด้วยรูปแบบอาหารฉลากสะอาด (Clean Label) ซึ่งเป็นมิตรต่อสุขภาพของผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำให้เกิดความยั่งยืนต่อระบบอาหารและผู้บริโภคต่อไป