เป็นที่รู้กันดีว่าคุณปู่มหาเศรษฐีนักลงทุนอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ค่อนข้างให้น้ำหนักความสำคัญในการลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และอุปโภคบริโภค ซึ่งมีการเติบโตที่แน่นอน เพราะเป็นสิ่งของที่คนต้องกินต้องใช้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ Berkshire Hathaway บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการลงทุนของบัฟเฟตต์ จะเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นในบริษัทพลังงาน
นับเป็นความเคลื่อนไหวที่สะท้อนให้เห็นว่า อุตสาหกรรมน้ำมันในปีนี้ยังพอมีทางให้นักลงทุนหารายได้เข้ากระเป๋าได้บ้างจากสภาวะผันผวนรุนแรงในปัจจุบัน
อ้างอิงจากรายงานที่ Berkshire ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งระบุชัดว่า บริษัทได้ทุ่มเงิน 529 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อซื้อหุ้นจำนวนเกือบ 9.6 ล้านหุ้น ของ Occidental Petroleum ระหว่างวันที่ 17-22 มิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้ Berkshire ขณะนี้ถือหุ้นของ Occidental Petroleum ไว้ที่ 16.3% ขึ้นแท่นกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ตามติดด้วยกองทุนรวมอย่าง Vanguard ซึ่งตามมาเป็นอันดับ 2 ที่เกือบ 11%
ทั้งนี้ Occidental Petroleum ถือเป็นหุ้นที่มีผลประกอบการดีที่สุดใน S&P 500 ของปีนี้ โดยเพิ่มขึ้น 92% เนื่องจากราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น และยังขยับเพิ่มขึ้นมากกว่า 3% ในการซื้อ-ขายช่วงเช้าวันพฤหัสบดี (23 มิถุนายน)
อย่างไรก็ตาม Occidental Petroleum ไม่ใช่บริษัทพลังงานแห่งเดียวที่ Berkshire ชื่นชอบ ยังมี Chevron (CVX) ซึ่งเป็นหุ้นอันดับต้นๆ ของตลาด Dow Jones ในปี 2565 ที่ขึ้นแท่นเป็นคนโปรดของบัฟเฟตต์และทีมลงทุนของเจ้าตัว ซึ่งประกอบด้วย ผู้บริหารของ Berkshire อย่าง Ted Weschler และ Todd Combs
โดย Berkshire ได้เปิดเผยในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีเมื่อเดือนพฤษภาคมว่า Chevron เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นหลักของบริษัท ณ สิ้นไตรมาสแรก
ธุรกิจน้ำมันและพลังงานนับเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจการดำเนินงานโดยรวมของ Berkshire ซึ่งมีบริษัทในเครือด้านพลังงานในสังกัดมากมายไม่ว่าจะเป็น บริษัทวางระบบสาธารณูปโภคไฟฟ้าชั้นนำ ได้แก่ PacifiCorp และ MidAmerican ท่อส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และบริษัทพลังงานหมุนเวียนหลายแห่ง
ขณะเดียวกันสถานการณ์ราคาน้ำมันมีแนวโน้มตึงเครียดมากขึ้น เมื่อรัฐบาลเยอรมนีตัดสินใจประกาศยกระดับแผนฉุกเฉินสู่ระดับที่ 2 เทียบเท่าระดับ ‘น่าตระหนก’ เพื่อเตรียมความพร้อมในการแก้ปัญหาการจัดหาก๊าซธรรมชาติให้กับประเทศแล้ว หลังจากที่ทางรัฐบาลรัสเซียสั่งตัดปริมาณซัพพลายน้ำมันและก๊าซที่จัดส่งไปภูมิภาคยุโรปโดยรวม
รายงานระบุว่า แผนฉุกเฉินด้านก๊าซระดับที่ 2 จากทั้งหมด 3 ระดับ ซึ่งระดับที่ 3 เป็นระดับสูงสุด หรือสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อหัวใจของการผลิตของเศรษฐกิจเยอรมนี
Robert Habeck รัฐมนตรีเศรษฐกิจเยอรมนี กล่าวว่า ประเทศกำลังเผชิญวิกฤต พร้อมเตือนว่า เป้าหมายก๊าซสำรองสำหรับใช้ในฤดูหนาวที่จะถึงนี้กำลังตกอยู่ในความเสี่ยง เนื่องจากรัสเซียเริ่มลดปริมาณการจัดส่งซัพพลายลง
ขณะเดียวกัน Robert Habeck ยังเปิดเผยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นการจงใจโจมตีเศรษฐกิจของเยอรมนี ผ่านแรงจูงใจทางการเมืองของรัฐบาลเครมลิน ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ก่อนให้คำมั่นว่า รัฐบาลเยอรมนีจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องตัวเองจากขวากหนามที่เกิดขึ้น
ปัจจุบันรัฐบาลเยอรมนีมีก๊าซธรรมชาติสำรองไว้ในระดับ 58% ที่แม้ว่าจะมากกว่าเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่เป้าหมายในการไปให้ถึง 90% ในเดือนธันวาคมนี้ จะไม่สามารถทำได้ หากไม่มีมาตรการอื่นๆ มาเสริม
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า กลุ่ม OPEC และชาติพันธมิตร รวมถึงรัสเซีย มีแนวโน้มที่จะยึดตามแผนการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันแบบเร่งรัดตามที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ สำหรับการผลิตในเดือนสิงหาคม
ทั้งนี้ ในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา OPEC+ ได้ตกลงที่จะเพิ่มกำลังการผลิต 648,000 บาร์เรลต่อวัน (bpd) ในเดือนกรกฎาคม หรือ 0.7% ของอุปสงค์ทั่วโลก และผลิตในปริมาณเท่ากันในเดือนสิงหาคม
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางความพยายามหาแหล่งน้ำมันทดแทนของสหรัฐฯ โดยรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน จะเดินทางเยือนริยาด ซาอุดีอาระเบีย เป็นครั้งแรก หลังความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดมา 2 ปี เนื่องจากความขัดแย้งเรื่องสิทธิมนุษยชน สงครามในเยเมน และอาวุธของสหรัฐฯ ได้ส่งมอบให้กับราชอาณาจักร
อ้างอิง:
- https://edition.cnn.com/2022/06/23/investing/warren-buffett-occidental-petroleum-oil-berkshire-hathaway/index.html
- https://edition.cnn.com/2022/06/23/energy/germany-russia-gas-alarm/index.html
- https://www.cnbc.com/2022/06/23/opec-to-stick-to-oil-supply-boost-plan-as-biden-heads-to-saudi-arabia-sources-say.html
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP