เกิดอุบัติเหตุกับขบวนรถไฟใต้ดินของกรุงปักกิ่งในชั่วโมงเร่งด่วน เมื่อรถไฟใต้ดินขบวนหนึ่งชนท้ายรถไฟใต้ดินอีกขบวน ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บกระดูกหัก 102 ราย
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 19.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (18.00 น. ตามเวลาไทย) ของวันพฤหัสบดี (14 ธันวาคม) บนรถไฟใต้ดินสายฉางผิง ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลมากกว่า 500 คน
สำหรับสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ China Daily รายงานอ้างการเปิดเผยของคณะกรรมการการคมนาคมแห่งกรุงปักกิ่งระบุว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าหิมะที่ตกลงมาอย่างหนักส่งผลให้รางลื่น และเป็นเหตุให้สัญญาณขัดข้อง ทำให้รถไฟขบวนหน้าเบรกกะทันหันขณะกำลังลงทางลาด และรถไฟที่ตามมาทางด้านหลังเบรกไม่ทัน จึงชนท้ายรถไฟขบวนแรก
อุบัติเหตุชนท้ายดังกล่าวส่งผลให้ตู้โดยสารสองตู้สุดท้ายของรถไฟขบวนหนึ่งหลุดออกจากขบวน อย่างไรก็ดี รายงานข่าวไม่ได้ระบุว่าตู้รถไฟที่หลุดออกมาเป็นของรถไฟขบวนใด
ภาพและฟุตเทจที่เผยแพร่ทางออนไลน์เผยให้เห็นผู้โดยสารยืนเบียดเสียดกันในตู้โดยสารท่ามกลางความมืดเนื่องจากไฟฟ้าดับ นอกจากนี้ยังมีคนเป็นลม ขณะที่ผู้โดยสารบางคนพยายามใช้ค้อนฉุกเฉินทุบกระจกหน้าต่างเพื่อให้มีอากาศถ่ายเท
รายงานระบุว่า เช้าวันศุกร์ (15 ธันวาคม) มีผู้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว 423 คน ขณะที่อีก 67 คนยังคงอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ และ 25 คนอยู่ระหว่างการสังเกตอาการ ไม่มีผู้เสียชีวิต
แม้ว่าอุบัติเหตุลักษณะนี้ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักในเครือข่ายการคมนาคมของกรุงปักกิ่ง แต่เหตุการณ์ดังกล่าวก็ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์จากชาวเน็ตจีนจำนวนมากที่ตกใจกับจำนวนผู้บาดเจ็บ ขณะที่บางส่วนตำหนิการทำงานของการรถไฟใต้ดิน
ด้านการรถไฟใต้ดินปักกิ่ง ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการรถไฟใต้ดินและรถไฟ 27 สายทั่วเมือง ภายใต้การบริหารของเทศบาลนครปักกิ่ง ได้ออกมาขอโทษสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่าบริษัทจะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลของผู้ได้รับบาดเจ็บ
ทั้งนี้ กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน กำลังเผชิญกับพายุหิมะและสภาพอากาศหนาวจัดส่งผลให้การขนส่งทั้งทางถนน รถไฟ และทางอากาศล้วนหยุดชะงัก โดยคาดว่าอุณหภูมิในภาคเหนือของจีนจะลดลงอีกในไม่กี่วันข้างหน้า
กรมอุตุนิยมวิทยาของจีนเตือนว่า อุณหภูมิในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศจะลดลง 8-12 องศาเซลเซียส ตั้งแต่วันพฤหัสบดีถึงวันอาทิตย์ ซึ่งหมายความว่าอุณหภูมิในกรุงปักกิ่งอาจลดลงต่ำกว่า -20 องศาเซลเซียสในช่วงสุดสัปดาห์
อ้างอิง:
