เกิดอะไรขึ้น:
รายได้เติบโตเร่งตัวขึ้นในเดือนเมษายน-พฤษภาคม ตามข้อมูลจาก บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) บ่งชี้ว่ารายได้ของบริษัทเติบโต ~5%YoY ในเดือนเมษายน และหลังจากนั้นอัตราการเติบโตก็เร่งตัวขึ้นสู่ ~10%YoY ในเดือนพฤษภาคม (เทียบกับเพิ่มขึ้น 4%YoY ใน 1Q66)
โดยปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญคือ บริการที่ไม่เกี่ยวกับโควิดที่เติบโตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบริการผู้ป่วยชาวต่างชาติซึ่งรายได้เติบโตแข็งแกร่งกว่าบริการผู้ป่วยคนไทย และตลาดต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ กัมพูชา รัสเซีย และภูมิภาคตะวันออกกลาง (นำโดยคูเวต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และกาตาร์) ปัจจุบัน กัมพูชาเป็นตลาดผู้ป่วยชาวต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดของ BDMS โดยคิดเป็น 3.6% ของรายได้ 1Q66 เพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 1.8% ของรายได้ปี 2562
InnovestX Research มีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของรายได้ในเดือนเมษายน-พฤษภาคม เนื่องจากสามารถชดเชยฐานรายได้ระดับสูงจากบริการโควิด ซึ่งคิดเป็น 12% ของรายได้ของ BDMS ใน 2Q65 ได้
นอกจากนี้ การรุกตลาดจีนที่เป็นตลาดขนาดใหญ่ โดย BDMS กำลังดำเนินการร่วมกับ Ping An Health Insurance Company of China, Ltd. (Ping An Health) เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ เช่น ประกันสุขภาพ และแพ็กเกจสุขภาพหลังโควิด รวมถึงแพ็กเกจที่เน้นการรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Care) สำหรับผู้ป่วยจากจีน (1-2% ของรายได้ 1Q66) โดยคาดว่าจะเห็นความคืบหน้ามากขึ้นใน 2H66
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น BDMS ปรับเพิ่มขึ้น 0.88%MoM สู่ระดับ 28.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 1.30%MoM อยู่ที่ระดับ 1,509.31 จุด
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
ราคาหุ้น BDMS ปรับตัวช้าเมื่อเทียบกับ BH ตั้งแต่ต้นปี 2566 ราคาหุ้น BDMS ปรับตัวลดลง 2% ซึ่งล้าหลัง BH (คู่แข่งโดยตรง) ที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาแล้ว 9% ท่ามกลางภาวะตลาด Risk-Off (นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง) ซึ่ง SET ปรับตัวลดลงมาแล้ว 10%YTD
InnovestX Research มองว่า BDMS เป็นตัวเลือกลงทุนที่ปลอดภัย โดยมีปัจจัยหนุนจากความเชื่อมั่นที่มีต่อผลประกอบการของบริษัทซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นคาดการณ์กำไรปกติ 2Q66 ของ BDMS ที่ 2.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3%YoY แต่ลดลง 21%QoQ จากปัจจัยฤดูกาลและระดับที่ทำสถิติสูงสุดใน 1Q66 ทั้งนี้หลังจากฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในปี 2565 (สูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิด) คาดว่ากำไรปกติของ BDMS จะเติบโต 12% ในปี 2566 สู่ 1.4 หมื่นล้านบาท
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ให้คำแนะนำ tactical call ระยะ 3 เดือน สำหรับ BDMS ไว้ที่ Outperform ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF (WACC ที่ 6.9% และการเติบโตระยะยาวที่ 3%) ที่ 34 บาทต่อหุ้น และเลือก BDMS เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มการแพทย์
ส่วนความเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่จะส่งผลกระทบทำให้ผู้ป่วยชะลอการเข้าใช้บริการ การแข่งขันรุนแรง การขาดแคลนบุคลากร และความเสี่ยงด้านกฎหมาย