บมจ.บีซีพีจี เซ็นสัญญาขายโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มในประเทศญี่ปุ่นทั้ง 9 โครงการ มูลค่าการซื้อ-ขายรวม 10,377 ล้านบาท หวังรีไซเคิลเงินลงทุน นำเงินสดที่ได้ไปต่อยอดพัฒนาโครงการอื่นๆ ในอนาคต
นิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บีซีพีจี หรือ BCPG แจ้งข่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทได้ขายเงินลงทุนทั้งหมดในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์) ในประเทศญี่ปุ่น ประกอบด้วยกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด 9 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 117 เมกะวัตต์ รวมถึงบริษัทย่อยในประเทศญี่ปุ่นซึ่งดำเนินธุรกิจให้บริการบริหารจัดการสินทรัพย์ (Asset Management) และให้บริการเดินเครื่องและบำรุงรักษา (Operation & Maintenance) สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของกลุ่มบริษัท โดยการจำหน่ายไปซึ่งหุ้นสามัญในบริษัทย่อยและเงินลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นทั้งหมดรวมมูลค่าซื้อ-ขาย 42,970 ล้านเยน หรือ 10,377 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยส่วนของมูลค่าหุ้น 6,935 ล้านบาท และส่วนของหนี้สินเงินกู้โครงการสุทธิ 3,442 ล้านบาท
เบื้องต้นบริษัทได้ลงนามสัญญาซื้อ-ขายหุ้นกับกลุ่ม Obton ซึ่งเป็นบริษัทไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่จากยุโรป เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา และมั่นใจว่าธุรกรรมการซื้อ-ขายหุ้นดังกล่าวจะสำเร็จลุล่วงภายในไตรมาส 1/2567
การจำหน่ายสินทรัพย์ในประเทศญี่ปุ่นเป็นไปตามแผนการดำเนินธุรกิจระยะยาวของบริษัทในการเข้าพัฒนาโรงไฟฟ้าตั้งแต่ก่อนการก่อสร้างจนกระทั่งเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ แล้วทำการจำหน่ายให้แก่นักลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสดที่มั่นคง เพื่อสร้างโอกาสทำกำไรสูงสุด
โดยบริษัทได้เริ่มลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งมีโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วเพียง 13 เมกะวัตต์ ณ ขณะนั้น และต่อมาบริษัทได้พัฒนาและก่อสร้างโครงการเพิ่มเติมอีก 132 เมกะวัตต์ รวมถึงได้ขายโครงการ 2 โครงการ รวมจำนวน 28 เมกะวัตต์ ไปในปี 2561 ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นรวมทั้งสิ้น 117 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วจำนวน 104 เมกะวัตต์ และโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 13 เมกะวัตต์
โครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าวเป็นโครงการโรงไฟฟ้าที่มีคุณภาพ สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลกหลายรายที่ต้องการลงทุน
สำหรับการจำหน่ายโครงการทั้งหมดในญี่ปุ่น รวมถึงบริษัทบริหารจัดการสินทรัพย์ครั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบราคาขายกับต้นทุนทางบัญชีคาดว่าจะทำให้มีส่วนต่างกว่า 2,300 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่บริษัทและผู้ถือหุ้น นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนที่จะนำกระแสเงินสดจากการจำหน่ายโครงการดังกล่าวกลับมาใช้รองรับโครงการลงทุนใหม่ๆ เป็นการเพิ่มศักยภาพในการเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
“โครงการของบีซีพีจีและแพลตฟอร์มการบริหารจัดการโครงการในญี่ปุ่นได้รับความสนใจจากนักลงทุนระดับโลกหลายรายในการเสนอซื้อสินทรัพย์ เป็นการตอกย้ำว่าโครงการต่างๆ ของบริษัทได้รับการพัฒนาและบริหารจัดการในมาตรฐาน World Class รวมถึงยังสามารถสรรหาและพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพ มีระบบการบริหารจัดการที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล” นิวัติกล่าว