‘ธนาคารกรุงเทพ’ เผยกำไรงวดไตรมาส 3/63 ลดลง 57% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 29% หลังเศรษฐกิจเริ่มทยอยฟื้นตัว
ธนาคารกรุงเทพ (BBL) รายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3/63 มีกำไรสุทธิรวม 4,017.49 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9,438.41 ล้านบาท หรือลดลง 5,420.92 ล้านบาท คิดเป็นการลดลง 57.4%
อย่างไรก็ตามกำไรสุทธิในงวดไตรมาส 3/63 ถือว่าปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 3,094.98 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นราว 922.51 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 29.8%
ธนาคารกรุงเทพระบุในเอกสารชี้แจงว่า เศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน หลังรัฐบาลได้ทยอยผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การส่งออกและการนำเข้าสินค้าของไทยได้ผ่านจุดต่ำสุด หลังจากธุรกิจทั่วโลกเริ่มกลับมาเปิดกิจการ
สำหรับประเทศไทย การผลิตภาคอุตสาหกรรม การบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชน ตลอดจนการท่องเที่ยวในประเทศค่อยๆ ปรับดีขึ้น เนื่องจากประชาชนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ โดยรัฐบาลได้เร่งใช้จ่ายและออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ ทำให้การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐขยายตัว และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม การระบาดรอบที่สองในหลายประเทศ ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักของประเทศไทยในระยะต่อไป
นอกจากนี้ รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาตรการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อผ่อนคลายผลกระทบเชิงลบทางเศรษฐกิจต่อประชาชนและผู้ประกอบการในหลายภาค ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แม้ว่าบางมาตรการในการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้จะทยอยสิ้นสุดลง ธปท. ได้หารือกับสถาบันการเงินอย่างต่อเนื่อง ในการดูแลลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเป็นระบบและเหมาะสมกับลูกหนี้แต่ละประเภท รวมทั้งติดตามสถานการณ์ลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างใกล้ชิด และให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องจนกว่าโควิด-19 จะคลี่คลาย พร้อมเป็น ‘เพื่อนคู่คิด’ เพื่อให้สามารถก้าวข้ามวิกฤตนี้ไปด้วยกัน
ณ สิ้นไตรมาส 3/63 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2.36 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.6% จากสิ้นเดือนมิถุนายน 2563 สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวม (NPL) อยู่ที่ 4.1%
ทั้งนี้ ธนาคารยังคงรักษาความมั่นคงของอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตที่ 178% โดยธนาคารยังคงให้ความสำคัญในการดูแลระบบการอำนวยสินเชื่อและบริหารความเสี่ยง ควบคู่กับการดำรงค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
ส่วนเงินกองทุนและสภาพคล่อง ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 ธนาคารมีเงินรับฝากจำนวน 2.82 ล้านล้านบาท ลดลง 1.1% จากสิ้นเดือนมิถุนายน 2563
สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 83.9% สะท้อนถึงสภาพคล่องที่เพียงพอในการรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2563 ธนาคารได้ออกตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่สามารถนับเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 ของธนาคารภายใต้หลักเกรณฑ์ Basel 3 จำนวน 750 ล้านดอลลาร์ เพื่อเสริมสร้างโครงสร้างเงินกองทุนของธนาคารให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2563 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นอยู่ที่ 17.6% ส่วนอัตราเงินกองทุนขั้นที่ 1 อยู่ที่ 15.1%
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์