‘บมจ.บีบีจีไอ’ หรือ BBGI กำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 10.50 บาทต่อหุ้น เตรียมเปิดให้ผู้ถือหุ้นของ BCP และ KSL เฉพาะกลุ่มผู้ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้น จองซื้อในวันที่ 3-4 และ 7-8 มีนาคม ส่วนนักลงทุนทั่วไปจองซื้อ 9-11 มีนาคม คาดนำหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนซื้อขายภายในเดือนมีนาคมนี้
บุษราภรณ์ จันทร์ชูเชิด รองกรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บล.กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า หลังจาก BBGI นำเสนอข้อมูลการดำเนินธุรกิจแก่กลุ่มนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไปนั้น นักลงทุนให้ความเชื่อมั่นในพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งจากการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพรายใหญ่ของประเทศไทย และเชื่อมั่นในกลยุทธ์รุกธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูงที่ส่งเสริมสุขภาพ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูง โดยเฉพาะผู้ลงทุนสถาบันที่ให้ผลตอบรับอย่างล้นหลาม จากการที่แสดงความต้องการจองซื้อเกินกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรรไว้มากกว่า 3 เท่า
ดังนั้นจึงกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO โดยพิจารณาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Book Building) ของผู้ลงทุนสถาบันที่ราคา 10.50 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ประมาณ 16 เท่า โดยจะเปิดให้ผู้ถือหุ้นเดิมของ BCP และ KSL เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้น จองซื้อในวันที่ 3-4 และ 7-8 มีนาคม 2565 และนักลงทุนทั่วไปจองซื้อในวันที่ 9-11 มีนาคม 2565 พร้อมคาดว่าจะนำหลักทรัพย์ BBGI เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ภายในเดือนมีนาคม 2565
ทั้งนี้ BBGI เสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 433.20 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 30% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้
ในการเสนอขายหุ้นได้จัดสรรดังนี้
- เสนอขายแก่กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของ BCP ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้น (Pre-Emptive) จำนวน 64.98 ล้านหุ้น
- เสนอขายแก่กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของ KSL ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้น (Pre-Emptive) จำนวน 43.32 ล้านหุ้น
- เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป ไม่เกิน 324.90 ล้านหุ้น
นอกจากนี้ยังจัดสรรหุ้นสามัญส่วนเกิน (Over-Allotment) จำนวนไม่เกิน 43.32 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 10% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่เสนอขายในครั้งนี้ เพื่อรองรับการใช้สิทธิจัดสรรหุ้นเกินกว่าจำนวนที่เสนอขายอีกด้วย
กิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ BBGI กล่าวว่า ในฐานะ Flagship ธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพและธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูงที่ส่งเสริมสุขภาพของกลุ่ม BCP และ KSL มีความพร้อมในการต่อยอดเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูงที่ส่งเสริมสุขภาพด้วยเทคโนโลยี SynBio จากแผนยุทธศาสตร์การเข้าลงทุนทั้ง Value Chain ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ เพื่อสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน
โดย BBGI ตั้งเป้าว่าในปี 2569 กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูงที่ส่งเสริมสุขภาพจะมีสัดส่วน EBITDA คิดเป็น 50% ของ EBITDA รวมทั้งหมดของบริษัท
ภาพรวมผลการดำเนินงาน 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562-2564) BBGI มีผลการดำเนินงานเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีรายได้รวม 10,060 ล้านบาท 12,620 ล้านบาท และ 14,132 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 387 ล้านบาท 845 ล้านบาท และ 960 ล้านบาท ตามลำดับ
BBGI เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงชีวภาพรายใหญ่ และเป็นรายเดียวในประเทศไทยที่มีฐานการผลิตทั้งไบโอดีเซลและเอทานอล ที่มีกำลังการผลิตรวม 1.6 ล้านลิตรต่อวัน อันเป็นผลจากการใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับสูง ทำให้สามารถใช้วัตถุดิบที่หลากหลาย เพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการต้นทุน ซึ่งช่วยสนับสนุนการเติบโตและอัตราการทำกำไรที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP