แบงก์กรุงศรีเผยกำไรไตรมาส 3 ปี 2563 ลดลง 6.8% ผลจากการตั้งสำรองหนี้สูญ ขณะ ‘หนี้เสีย’ ขยับเล็กน้อยแตะระดับ 2.24%
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) รายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปี 2563 มีกำไรสุทธิรวม 6,114 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,564 ล้านบาท หรือลดลง 450 ล้านบาท คิดเป็นการลดลง 6.85% ส่วนใหญ่เป็นผลจากการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของการตั้งสำรองเพื่อรองรับการด้อยลงของคุณภาพสินเชื่อ สอดคล้องกับการชะลอตัวอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2563 สินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารอยู่ที่ 48,711 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,377 ล้านบาท หรือ 17.8% จากจำนวน 41,334 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2562 โดยปัจจัยหลักมาจากการปรับมาตรฐานบัญชี TFRS9 และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ไม่เอื้ออำนวย
เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2563 สินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นจำนวน 697 ล้านบาท หรือ 1.45% ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล เนื่องจากภาวะการว่างงานและรายได้ที่ปรับลดลงอย่างรุนแรง สะท้อนการหดตัวอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจ
โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ(NPL) ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 อยู่ที่ 2.24% เทียบกับ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 อยู่ที่ 2.22% และเทียบกับสิ้นปี 2562 อยู่ที่ 1.98%
ส่วนเงินกองทุนตามกฎหมาย ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2563 มีจำนวน 276,536 ล้านบาท คิดเป็น 17.13% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 ที่เป็นของเจ้าของ 12.24%
สำหรับผลดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2563 กำไรสุทธิอยู่ที่ 19,655 ล้านบาท ลดลง 6,656 ล้านบาท หรือ 25.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากการลดลงของกำไรจากการดำเนินงาน และการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการด้อยลงของคุณภาพสินเชื่อ สอดคล้องกับการชะลอตัวอย่างรุนแรงของภาวะเศรษฐกิจ
ทั้งนี้หากไม่นับรายการพิเศษช่วง 9 เดือนแรกปี 2562 ที่ธนาคารได้ขายหุ้น บริษัท เงินติดล้อ จำกัด และค่าใช้จ่ายเพื่อรองรับประมาณการหนี้สินที่เพิ่มขึ้นจากการชดเชยกรณีพนักงานเกษียณและเลิกจ้างตามการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน กำไรสุทธิจากการดำเนินธุรกิจในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 ลดลง 4.1% หรือลดลงจำนวน 848 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า