×

Barbie โลกตุ๊กตาสุดล้ำ หนังที่เปรียบดั่งยาขมรสหวาน

22.07.2023
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • ว่ากันตามตรง หนัง Barbie ของ Greta Gerwig ไม่ได้เป็นหนังแบบที่ใครหลายคนเห็นแค่ในตัวอย่าง ภายใต้โลกสีชมพูราวกับลูกกวาดได้ซุกซ่อนนัยบางอย่างเกี่ยวกับชีวิตเอาไว้ และเช่นเคย ‘Greta is Greta’ หนังของผู้กำกับหญิงชาวอเมริกันคนนี้ยังคงเต็มไปด้วยการพูดถึงอำนาจทางสังคมที่มาพร้อมกับชะตากรรมของการเกิดเป็นหญิงได้อย่างมีชั้นเชิง เพียงแต่ในคราวนี้ปัจจัยสำคัญที่สุดคือ เธอจะเล่ามันออกมาอย่างไรโดยที่ยังคงไว้ซึ่งความแฟนตาซีและความบันเทิงแก่ผู้ชม 
  • ส่วนที่ต้องปรบมือให้กับคนทำหนังก็ตรงที่ Greta Gerwig รู้ดีว่าคนรัก Barbie ต้องการอะไร การเดินทางในครั้งนี้จึงเป็นเหมือนการปลุกชีพตุ๊กตาตาตัวโปรดให้กลับมาในความทรงจำอีกครั้ง และมากไปกว่านั้นคือมันกลายเป็นหนังที่ชวนให้คนดูครุ่นคิดมากกว่าสิ่งที่ตาเห็น เพราะใจความสำคัญของหนังไม่ได้นำเสนอแค่ความแฟนตาซีของโลก Barbie เพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นการตั้งคำถามถึงความจริงและการดำรงอยู่ของมนุษย์ 
  • แต่ที่น่าทึ่งจริงๆ คือการที่ Barbie ยังคงไว้ซึ่งความบันเทิงได้ตลอดทั้งเรื่อง การบาลานซ์ความสนุกให้อยู่ในจุดสมดุลขณะที่พื้นหลังยังคงขับเคลื่อนเรื่องราวของผู้ใหญ่ ทำให้ Greta Gerwig กลายเป็นผู้กำกับที่ได้โชว์ฝีไม้ลายมือให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาคนดูอีกครั้ง ความแม่นยำในการจับจังหวะกลายเป็นมนตร์เสน่ห์ที่น่าเหลือเชื่อ องค์ประกอบเหล่านั้นหลอมรวมกันกลายเป็นหนังที่เข้าถึงได้กับคนทุกเพศทุกวัย หรือแม้กระทั่งคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ร่วมกับ Barbie มาก่อน

มุกตลกที่สร้างสีสันให้กับคอหนังทั่วโลกในช่วงเวลานี้คงหนีไม่พ้นการเข้าฉายชนกันของสองหนังชั้นยอดอย่าง Barbie และ Oppenheimer จนเกิดเป็นกระแสต่างๆ มากมาย ทั้งการตัดต่อล้อเลียนภาพจากหนังทั้งสองเรื่อง ไปจนถึงการกึ่งล้อกึ่งแซวด้วยมุกตลกสุดสร้างสรรค์อย่าง Barbenheimer หรือชายแท้ดู Barbie

 

กระนั้นเอง คนดูอย่างเราต่างก็เห็นตรงกันว่าหนังทั้งสองเรื่องล้วนแต่เป็นกำไรของคนดู เพราะนอกจากจะได้ดูหนังที่เต็มไปด้วยศักยภาพจากผู้กำกับทั้งสองคน การมีเทรนด์หรือกิจกรรมต่างๆ ให้คนดูมีส่วนร่วมกับหนังก็เป็นสิ่งที่ไม่ได้พบเห็นมานานพอสมควร ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายอันดีหลังจากที่สภาวะโรคระบาดเริ่มหายไปจากสังคมโลก 

 

หากมองในมุมของคนดู Oppenheimer ของ Christopher Nolan อาจสร้างความน่าตื่นเต้นให้กับการดูหนังในโรงภาพยนตร์อีกครั้ง แต่ Barbie ของ Greta Gerwig นั้นได้สร้างปรากฏการณ์ที่นานทีปีหนจะเกิดขึ้นสักครั้ง โดยเฉพาะกับ ‘ชายแท้’ ที่ตั้งหน้าตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ และต้องเป็นอันกระโดดโลดเต้นแต่งชุดสีชมพูหวานแหววไปดูหนังเรื่องนี้อย่างออกรสออกชาติราวกับตัวเองเป็นส่วนหนึ่งในโลกของเหล่า Barbie จริงๆ 

 

 

Barbie ว่าด้วยเรื่องราวอันแสนเรียบง่าย เมื่อ Barbie รุ่นพิมพ์นิยม (Margot Robbie) ดันเกิดความวิตกกังวลในชีวิตจนเธอต้องออกเดินทางมายังโลกแห่งความจริงเพื่อค้นหาสาเหตุและแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเธอ โดยมี Ken (Ryan Gosling ในบทบาทที่น่าจดจำ) ติดสอยห้อยตามมาด้วย แต่แล้วอิทธิพลบางอย่างก็ได้เริ่มก่อตัวขึ้นในใจของพวกเขาจนมันส่งผลต่อ Barbieland ในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

ว่ากันตามตรง หนัง Barbie ของ Greta Gerwig ไม่ได้เป็นหนังแบบที่ใครหลายคนเห็นแค่ในตัวอย่าง เพราะในโลกสีชมพูราวกับลูกกวาดได้ซุกซ่อนนัยบางอย่างเกี่ยวกับชีวิตเอาไว้ และเช่นเคย ‘Greta is Greta’ หนังของผู้กำกับหญิงชาวอเมริกันคนนี้ยังคงเต็มไปด้วยการพูดถึงอำนาจทางสังคมที่มาพร้อมกับชะตากรรมของการเกิดเป็นหญิงได้อย่างมีชั้นเชิง เพียงแต่ในคราวนี้ปัจจัยสำคัญที่สุดคือ เธอจะเล่ามันออกมาอย่างไรโดยที่ยังคงไว้ซึ่งความแฟนตาซีและความบันเทิงแก่ผู้ชม 

 

ซึ่ง Barbie ในแบบฉบับของ Greta Gerwig ได้พิสูจน์แล้วว่าต่อให้หน้าหนังจะดูไม่ได้มีความจริงจังอะไร แต่ถ้าผู้กำกับคนนั้นเข้าใจในโลกที่ตัวเองเป็นคนออกแบบ ศักยภาพที่ซุกซ่อนอยู่ในองค์ประกอบเหล่านั้นสามารถกลายเป็นเครื่องมือที่ใช้เล่าเรื่องได้ แม้แต่เรื่องที่คนดูเองก็อาจไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นจากหนังแนวนี้

 

 

ส่วนที่ต้องปรบมือให้กับคนทำหนังก็ตรงที่ Greta Gerwig รู้ดีว่าคนรัก Barbie ต้องการอะไร การเดินทางในครั้งนี้จึงเป็นเหมือนการปลุกชีพตุ๊กตาตาตัวโปรดให้กลับมาในความทรงจำอีกครั้ง และมากไปกว่านั้นคือมันกลายเป็นหนังที่ชวนให้คนดูครุ่นคิดมากกว่าสิ่งที่ตาเห็น เพราะใจความสำคัญของหนังไม่ได้นำเสนอแค่ความแฟนตาซีของโลก Barbie เพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นการตั้งคำถามถึงความจริงและการดำรงอยู่ของมนุษย์ 

 

แต่ที่น่าทึ่งจริงๆ คือการที่ Barbie ยังคงไว้ซึ่งความบันเทิงได้ตลอดทั้งเรื่อง การบาลานซ์ความสนุกให้อยู่ในจุดสมดุลขณะที่พื้นหลังยังคงขับเคลื่อนเรื่องราวของผู้ใหญ่ ทำให้ Greta Gerwig กลายเป็นผู้กำกับที่ได้โชว์ฝีไม้ลายมือให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาคนดูอีกครั้ง ความแม่นยำในการจับจังหวะกลายเป็นมนตร์เสน่ห์ที่น่าเหลือเชื่อ องค์ประกอบเหล่านั้นหลอมรวมกันกลายเป็นหนังที่เข้าถึงได้กับคนทุกเพศทุกวัย หรือแม้กระทั่งคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ร่วมกับ Barbie มาก่อน

 

และข้อน่าสังเกตคือ การที่ผู้กำกับไม่ได้แบ่งโลกทั้งสองให้มีความเป็นเอกเทศของตัวเอง แต่เลือกที่จะซ้อนทับเอาไว้ด้วยกันอย่างแนบแน่นโดยใช้เทคนิคภาพยนตร์ เส้นแบ่งระหว่างโลกจึงถูกวางทาบด้วยความแฟนตาซีที่พร้อมจะดึงคนดูให้หลุดออกจากกรอบความจริงได้โดยไม่ต้องหาคำอธิบายใดๆ 

 

 

แต่ก็นั่นแหละ Barbie ของ Greta Gerwig ไม่ใช่หนังที่อาบไปด้วยสีชมพูเพียงอย่างเดียว หรือถ้าพูดง่ายๆ ว่ามันเปรียบดั่งยาขมรสหวานก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะภายใต้โลกที่เต็มไปด้วยความบันเทิง ผู้กำกับได้นำเสนอประเด็นของสตรีนิยมและปิตาธิปไตยที่คอยยึดโยงคัดง้างกันอย่างชัดเจน 

 

ภาพของ Barbie และ Ken ที่ออกผจญภัยในโลกแห่งความจริงจนตระหนักรู้ถึงอำนาจทางเพศกลายเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงบทบาททางสังคม เพียงแต่ด้วยภาพลักษณ์และวิธีการนำเสนอแบบทีเล่นทีจริงก็ทำให้ผู้กำกับสามารถเล่าประเด็นเหล่านี้ได้อย่างล้ำลึก ขณะเดียวกันก็ตรงไปตรงมาโดยที่ไม่ได้ทำให้หนังดูมีความตึงเครียดจนเกินไป

 

ข้อชี้ชัดที่แสดงให้เห็นว่า Greta Gerwig เป็นผู้กำกับที่เก่งกาจในการนำเสนอประเด็นที่แหลมคมเหล่านี้คือ การที่เธอสามารถเชื่อมโยงทั้งความเป็นแฟรนไชส์ Barbie อารมณ์ขัน และเส้นแบ่งอำนาจทางสังคมลงไปในหนังเรื่องเดียวกันได้อย่างแยบคาย ที่สำคัญคือไม่ได้ชี้นำคนดูให้ต้องเลือกว่าสิ่งไหนเป็นสิ่งที่ถูก เพราะตลอดทั้งเรื่องหนังทำเพียงแค่แสดงออกให้ผู้ชมเห็นและร่วมรู้สึกไปพร้อมกับการเดินทางของตัวละคร 

 

หากมองว่าการนำเสนอความเป็นหญิงภายในหนังเรื่องนี้ต้องตบรางวัลให้กับ Greta Gerwig ในทางตรงกันข้ามการวิพากษ์วิจารณ์ความเป็นชายก็ต้องยกความดีความชอบให้กับ Noah Baumbach ที่ร่วมเขียนบทด้วยเช่นกัน

 

 

อย่างไรก็ดี ในโลกของ Barbie เราอาจมองได้ว่าหัวใจสำคัญที่เป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราวคือ Ken ที่นำแสดงโดย Ryan Gosling และ Barbie ที่นำแสดงโดย Margot Robbie ถึงกระนั้นผู้กำกับก็ไม่ได้ทอดทิ้งตัวละครอื่นให้ดูเป็นเพียงแค่ตัวประกอบ กลับกันเธอเลือกที่จะให้พวกเขาเหล่านั้นมีภาพจำที่โดดเด่นอย่างชัดเจนในทางใดทางหนึ่ง โดยใช้การแสดง รูปร่าง เสื้อผ้า ไปจนถึงองค์ประกอบศิลป์ และการบิดเบือนคาแรกเตอร์ของนักแสดงคนนั้นให้ดูขัดแย้งกับภาพที่อยู่ในหัวของคนดูมากที่สุด

 

การจับนักแสดงมากมายมาแต่งองค์ทรงเครื่องปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์จนผิดภาพความจริงที่เห็นได้เด่นชัดที่สุดคนหนึ่งคือ John Cena ที่ว่ากันตามตรง ภาพจำในหัวของใครหลายคนอาจไม่ได้เป็นแบบที่หนังตั้งใจนำเสนอเป็นแน่แท้ แต่ด้วยความคิดนี่เองที่ทำให้ทุกสิ่งอย่างที่ปรากฏยิ่งส่งเสริมให้คอนเซปต์ของ Barbie ที่เป็นเหมือนการประกาศกร้าวต่อโลกว่า ‘ความเป็นไปได้ไม่มีที่สิ้นสุด’ ดูมีพลังมากขึ้นจนออกมาเป็นภาพที่คนดูสามารถจับต้องได้จริง และในขณะเดียวกันมันก็ทำให้ตัวละครเหล่านั้นถูกจดจำได้อย่างรวดเร็ว โดยที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีบทเด่นแต่อย่างใด 

 

ซึ่งคนดูไปจนถึงเหล่าสาวก Barbie ก็คงเห็นพ้องต้องกันว่าการตัดสินใจให้ John Cena หรือนักแสดงคนอื่นมาอยู่ในหนังภายใต้ธีมโลกของ Barbie โดยสร้างคาแรกเตอร์ของพวกเขาให้มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว ถือเป็นการตัดสินใจที่เฉียบแหลมที่สุดอย่างหนึ่งของ Greta Gerwig ในฐานะผู้กำกับ

 

 

กลับมาที่สองนักแสดงนำอย่าง Ryan Gosling และ Margot Robbie พวกเขาคือ Ken และ Barbie ที่ส่งเสริมเคมีให้แก่กันและกันได้ดีที่สุด โดยเฉพาะในส่วนของ Ryan Gosling ที่เรียกได้ว่านี่เป็นบทบาทการแสดงที่น่าจดจำอีกครั้งหนึ่งของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย การเล่นใหญ่ใส่อารมณ์ราวกับคนที่เสพมุกตลกล้อชายแท้มาอย่างเต็มถัง ทำให้ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวต่อหน้าคนดูไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหนก็สร้างสีสันให้กับหนังได้ตลอดทั้งเรื่อง 

 

การตีโจทย์ตัวละคร Ken ของ Ryan Gosling มีความบ้าพลังถึงขีดสุด แต่ในขณะเดียวกันภาพของชายหนุ่มยียวนกวนประสาทก็มีความอ่อนไหวในใจไม่แพ้กัน ทั้งสองอย่างนี้จึงกลายเป็นความซับซ้อนที่ดึงคนดูให้อยู่ติดกับตัวละครนี้ได้อย่างง่ายดายโดยที่ไม่จำเป็นต้องยัดเยียดสิ่งใดจนเกินเลย

 

ส่วนในกรณีของ Margot Robbie ภาพลักษณ์ของเธอหากพูดว่าถอดแบบมาจากตุ๊กตาหน้ากล่องก็อาจจะไม่เกินเลยนัก แต่ส่วนสำคัญที่ทำให้เธอเฉิดฉายในหนังคือฝีมือการแสดงที่มองได้ว่า หากคู่รับ-ส่งไม่ใช่คนที่มีทักษะและความสามารถในระดับเดียวกันมันอาจส่งผลให้เสน่ห์ของหนังต้องเป็นอันหดหายไปอย่างน่าเสียดาย 

 

แต่ถึงที่สุดคนดูก็คงเห็นแล้วว่าการแสดงของเธอและคนรอบข้างนั้นได้สร้างความประทับใจให้คนรัก Barbie ราวกับเป็นการเชิดชูหัวจิตหัวใจของคนที่หลงรักในของเล่นชิ้นนี้มากแค่ไหน 

 

 

ทั้งนี้ทั้งนั้น อีกคนที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ Simu Liu ที่ว่ากันตามตรง บทบาทการแสดงในหนังเรื่องนี้อาจทำให้เขาหลุดพ้นจากคำครหาภายใต้เงาของ Liang Chaowei ที่เคยร่วมงานกันมาก่อนหน้านั้น เพราะการแสดงทั้งหมดที่ปรากฏต่อหน้าคนดูก็คงพูดได้อย่างไม่เคอะเขินว่า Ken ในแบบฉบับของเขาได้กลายเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่น่าจดจำไม่แพ้กับ Ken ของ Ryan Gosling โดยเฉพาะเวลาที่ทั้งสองต้องประชันฝีมือในฉากเดียวกัน

 

 

ไม่น่าเชื่อว่านี่จะเป็นหนัง Barbie ที่ถูกออกแบบมาจากของเล่นที่อยู่ในความทรงจำของใครหลายคน เพราะภายใต้โลกที่มีสีสันสดใสมันกลับแฝงไปด้วยนัยทางเพศที่ถึงแม้จะเป็นจุดขายสำคัญของแฟรนไชส์ แต่ Greta Gerwig ก็สามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้นได้อย่างชาญฉลาดเพื่อนำเสนอให้เรื่องราวอยู่ในโทนของผู้ใหญ่ได้ในแบบที่ตัวเองถนัด 

 

อีกทั้งหนังเรื่องนี้ยังเป็นการปรับภาพลักษณ์ครั้งสำคัญของ Barbie ให้มีความร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น เพราะหนังไม่ได้นำเสนอแค่มุมมองของความรักและความฝัน แต่ยังมีมุมของคนที่ตั้งคำถามถึงตุ๊กตาเหล่านี้อย่างตรงไปตรงมา หากเปรียบในมุมของคนดู ตัวละครที่ว่าก็คงเป็นเหมือนตัวแทนของคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ร่วมกับ Barbie มาก่อน และไม่เข้าใจว่าเหตุใดของเล่นเหล่านี้ถึงมีคุณค่าทางใจกับคนคนหนึ่ง ซึ่งบทสรุปสุดท้ายของหนังก็อาจนำไปสู่คำตอบที่ว่าทำไม Barbie ถึงยังคงอยู่ในหัวใจของผู้คนมาจนถึงปัจจุบัน

 

นอกจากนี้ ตัวหนังยังช่วยขยับขยายให้คนดูได้ครุ่นคิดอย่างจริงๆ จังๆ ถึงชีวิตของเราในบางมุมที่อาจจะไม่เคยนึกถึงมันมาก่อน แต่เหนือสิ่งอื่นใด Barbie คือตัวแทนของคนที่สามารถจะเป็นอะไรก็ได้ เพราะทุกคนล้วนมีความเป็นไปได้หลากหลายรูปแบบ เหมือนกับตุ๊กตาที่ครั้งหนึ่งเราเคยกำมันเอาไว้ในมือเมื่อครั้งยังเด็ก

 

Barbie เข้าฉายในไทยอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้

รับชมตัวอย่างได้ที่

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X