‘บ้านปู’ เผย ทำรายได้ 3Q67 ทะลุ 1.3 พันล้านดอลลาร์ หลังนำความสำเร็จจากบริษัทย่อยจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก พร้อมประกาศกลยุทธ์ ‘Energy Symphonics’ มุ่งสู่ Net Zero ปี 2050 ลุยพัฒนาเหมืองยุคใหม่โดยใช้ AI รุกธุรกิจดักจับและกักเก็บคาร์บอน CCUS ในสหรัฐฯ
สินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 3 บ้านปูมีความคืบหน้าทางธุรกิจที่สำคัญ ได้แก่ ความสำเร็จในการนำ BKV เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange: NYSE) การเสนอขายจำนวน 15 ล้านหุ้น ที่ราคา 18 ดอลลาร์ต่อหุ้น สามารถระดมทุนได้ถึง 270 ล้านดอลลาร์ สะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตของธุรกิจที่ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่คุณค่าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ โดยบ้านปูยังคงถือหุ้นใหญ่ใน BKV
ทั้งนี้ บ้านปูมีรายได้จากการขายรวม 1,339 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 46,597 ล้านบาท) กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) รวม 379 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 13,204 ล้านบาท) และขาดทุนสุทธิจำนวน 24 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 830 ล้านบาท) จากราคาตลาดของถ่านหินและก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลดลง และการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการแข็งค่าของเงินสกุลบาทต่อเงินสกุลดอลลาร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ขณะที่การขยายการเติบโตของบ้านปู เน็กซ์ ในญี่ปุ่น เข้าลงทุนในบริษัท แอมป์ จำกัด (แอมป์ เจแปน) บริษัทชั้นนำในประเทศญี่ปุ่น ผู้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจนถึงการนำออกสู่ตลาด ด้วยงบลงทุน 35 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม 800 เมกะวัตต์ สู่เป้าหมายกำลังผลิตรวมจำนวน 2 กิกะวัตต์ ภายในทศวรรษนี้
นอกจากนี้ แบตเตอรี่ฟาร์ม Iwate Tono ใกล้ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในไตรมาส 2/25
“การดำเนินธุรกิจ บริษัทจะใช้แนวคิด Energy Symphonics สร้างโซลูชันพลังงานใหม่ที่ยั่งยืน โดยมุ่งเน้นที่ 3 เป้าหมายหลัก คือ ความมั่นคงทางพลังงาน ความเสมอภาคด้านพลังงาน และความยั่งยืนด้านพลังงาน” สินนท์กล่าว
วาง 4 กลยุทธ์ สู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050
- เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 และการลดคาร์บอน ตั้งเป้าหมายบรรลุ Net Zero ภายในปี 2050 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่น้อยกว่า 20% และลดสัดส่วน EBITDA (กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา) ที่มาจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับถ่านหินให้ต่ำกว่า 50% ภายในปี 2030
- ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ และการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Sequestration: CCUS) มุ่งเน้นการเติบโตด้วย ‘แนวทางสู่ความสำเร็จ’ ที่ผสานธุรกิจก๊าซธรรมชาติระดับต้นน้ำ โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจ CCUS เพื่อส่งมอบโซลูชันก๊าซธรรมชาติคาร์บอนต่ำในสหรัฐฯ พร้อมทั้งสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง
- ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง (Renewables+) เร่งขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และภูมิภาคอื่นๆ โดยลงทุนในระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System: BESS) ธุรกิจปลายน้ำที่เกี่ยวข้อง และธุรกิจคาร์บอนเครดิต เพื่อสร้างความต่อเนื่องให้กับพลังงานหมุนเวียน
- พัฒนาธุรกิจเหมืองแร่ยุคใหม่ ดำเนินกลยุทธ์การทำเหมืองอัจฉริยะ โดยการผสานการใช้โซลูชันอัจฉริยะและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในกระบวนการทำเหมือง