เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา BBL เป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกที่ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 0.5% สู่ 0.75% เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2565 และ 1% เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2565 ซึ่งคาดว่าธนาคารอื่นๆ จะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นตาม BBL
ทั้งนี้ BBL ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยมีผลทันทีดังนี้
อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก: ออมทรัพย์ ปรับขึ้น 0.20% เป็น 0.45%, 3 เดือน ปรับขึ้น 0.175% เป็น 0.55%, 6 เดือน ปรับขึ้น 0.15% เป็น 0.65%, 12 เดือน ปรับขึ้น 0.30% เป็น 0.80% และ 24 เดือน ปรับขึ้น 0.50% เป็น 1.0%
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้: MOR ปรับขึ้น 0.375% เป็น 6.250%, MLR ปรับขึ้น 0.40% เป็น 5.65% และ MRR ปรับขึ้น 0.30% เป็น 6.25%
กระทบอย่างไร:
เมื่อวันที่ 28 กันยายน ราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร (SETBANK) ปรับลดลง 0.44%DoD ดีกว่า SET Index ที่ปรับลดลง 0.70%DoD
แนวโน้มผลประกอบการในปี 2565:
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ดีกว่าที่ InnovestX Research คาดการณ์ไว้ เนื่องจากส่วนต่างระหว่างการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้น้อยกว่าคาด ทั้งนี้ ใช้สมมติฐานการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังนี้
- อัตราดอกเบี้ยนโยบาย สำหรับปี 2565 ที่ 0.50% และปี 2566 ที่ 1.0%
- อัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ สำหรับปี 2565 ที่ 0.25% และปี 2566 ไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
- อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ สำหรับปี 2565 ที่ 0.50% และปี 2566 ที่ 1.0%
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ สำหรับปี 2565 ที่ 0.25% และปี 2566 ที่ 0.50%
- ซึ่งจะส่งผลทำให้ประมาณการ NIM ปรับเพิ่มขึ้น 2-3 bps และประมาณการกำไรปรับเพิ่มขึ้น 1-4% ในปี 2565 สำหรับปี 2566 ประมาณการ NIM จะปรับเพิ่มขึ้น 12-17 bps และประมาณการกำไรจะปรับเพิ่มขึ้น 6-17%
และเมื่ออิงกับข้อมูลทางการเงิน 2Q65 จากการวิเคราะห์ความอ่อนไหวของ NIM ต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย บ่งชี้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลดีต่อ NIM ของธนาคารขนาดใหญ่ (BBL, KBANK, KTB และ SCB ตามลำดับ) มากที่สุด ในขณะที่จะส่งผลกระทบต่อ NIM ของ TISCO และ TTB
โดยจะทำให้ NIM เพิ่มขึ้น 2-3 bps ในปี 2565 และ 23-25 bps ในปี 2566 ในขณะที่ NIM ของ TISCO และ TTB จะได้รับผลกระทบราว 1-2 bps ในปี 2565 และ 6-10 bps ในปี 2566
นอกจากนี้ คาดว่าประโยชน์จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะมากพอชดเชยการปรับอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ เพิ่มขึ้น 23 bps (สู่ระดับปกติ) ในปี 2566 สำหรับธนาคารขนาดใหญ่ ซึ่งจะส่งผลทำให้ NIM อยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัวในปี 2566 ในขณะที่คาดว่าธนาคารขนาดเล็กจะมี NIM หดตัวลงในปี 2566
สำหรับหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคาร InnovestX Research เลือก KTB, BBL และ KBANK เพราะมีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และ Valuation น่าสนใจ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- 8 หุ้นเนื้อทอง เซียนหุ้น รุมตอม ร่วมลงทุนติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่
- 9 หุ้น จ่ายเงินปันผลสูงมากกว่า 5% ตลอด 5 ปี แถมราคาตั้งแต่ต้นปียังบวก
- 10 หุ้น ขึ้น XD จ่ายเงินปันผลสูงสุดในรอบเดือน ก.ย. 65
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP