แบงก์ชาติยืนยันระบบการเงินไทยยังแข็งแรง เงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูง แต่ยังห่วงรายย่อยและครัวเรือนเนื่องจากหนี้มาก ความสามารถใช้หนี้ต่ำลง
ธนาคารแห่งประเทศไทยชี้แจงผลการประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) เรื่องเสถียรภาพระบบการเงินของไทย โดยพิจารณา 2 ประเด็นหลักคือ
- เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวชัดเจนต่อเนื่อง ส่งผลให้ฐานะทางการเงินของภาคธุรกิจโดยรวมปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีเรื่องความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) หนี้ครัวเรือน และอุปทานคงค้างของที่อยู่อาศัยในบางพื้นที่ที่ต้องคอยติดตามต่อไป
- อัตราดอกเบี้ยในประเทศไทยขณะนี้อยู่ในระดับต่ำ ทำให้นักลงทุนหันไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศหรือช่องทางที่ได้ผลตอบแทนมากกว่าเดิม เห็นได้จากขนาดของกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศที่ยังอยู่ในระดับสูงและยังกระจุกตัวอยู่
ธนาคารแห่งประเทศไทยชี้แจงว่า ระบบการเงินไทยโดยรวมมีเสถียรภาพ ประกอบกับเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ภาคธุรกิจมีสถานะทางการเงินที่ดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ ขณะที่ธนาคารพาณิชย์และธุรกิจประกันภัยมีเงินกองทุนอยู่ในระดับสูง เงินสำรองระหว่างประเทศยังสูง สวนทางกับหนี้ต่างประเทศที่อยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับการส่งออกที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดยังเกินดุลอยู่
แม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมปรับดีขึ้น แต่กลุ่ม SME กลับมีความสามารถในการใช้หนี้ต่ำลง ซึ่งยังน่าเป็นห่วง ขณะที่ภาคครัวเรือนยังมีภาระหนี้ที่อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับรายได้และสินทรัพย์ทางการเงิน ล่าสุด แบงก์ชาติได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์โครงการแก้ไขปัญหาหนี้ส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันหรือคลินิกแก้หนี้ เพื่อครอบคลุมผู้เป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกันด้วย
แบงก์ชาติยืนยันว่า ภาคการเงินไทยยังแข็งแรงพอที่จะรับมือความผันผวนของปัจจัยภายนอกประเทศโดยเฉพาะจากประเทศอุตสาหกรรมหลัก และนโยบายทางเศรษฐกิจของจีน