ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ เผยพร้อม ‘ขึ้นดอกเบี้ยแรง’ หากเงินเฟ้อพื้นฐานไม่เป็นไปตามคาด พร้อมยันบาทอ่อนกระทบเงินเฟ้อไม่มาก

แบงก์ชาติพร้อมขึ้นดอกเบี้ยแรงหากจำเป็น หรือหากเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นเกินคาด ย้ำเงินบาทอ่อนค่ากระทบเงินเฟ้อไม่มาก แต่ยอมรับว่าแบงก์ชาติได้เข้าดูแลเงินบาทไปแล้วในช่วงที่ผันผวนหนัก ส่วนขณะนี้ยังไม่พบการเก็งกำไรค่าเงิน

วันนี้ (29 กันยายน) ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยในงาน BOT Symposium 2022 ว่าปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงขึ้น คือหากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานไม่เป็นไปตามคาด เนื่องจากมองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยน่าจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“ค่อนข้างมั่นใจการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ว่าไม่น่าจะมีเซอร์ไพรส์ เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากการบริโภคภายในประเทศและภาคการท่องเที่ยว โดย ธปท. คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้จะสูงถึง 9.5 ล้านคน จากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 6 ล้านคน ดังนั้น ตัวเลขที่ ธปท. ต้องจับตามองเพื่อดำเนินมาตรการอื่นๆ เพิ่มเติมคือเงินเฟ้อ โดยเฉพาะเงินเฟ้อพื้นฐาน” ดร.เศรษฐพุฒิกล่าว

ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยยังระบุอีกว่า ธปท. กำลังจับตาเงินเฟ้อพื้นฐานอย่างใกล้ชิด แต่เชื่อว่าเงินเฟ้อทั่วไปของไทยถึงจุดสูงสุดและกำลังลดลงแล้ว

“ถ้า ณ เวลานั้น มีความจำเป็น ต้องหยุดการขึ้นดอกเบี้ย หรือขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% หรือ 0.5% ธปท. ก็พร้อมที่จะทำ เช่น ถ้าตัวเลขต่างๆ รวมถึงเงินเฟ้อ ไม่เป็นไปตามที่เราคาดการณ์ โดยตัวเลขเงินเฟ้อที่เราใส่ใจเป็นพิเศษ และยอมรับว่าเป็นความเสี่ยงคือเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) เนื่องจากเงินเฟ้อทั่วไปของไทย (Headline Inflation) น่าจะลดลง เหตุปัญหาห่วงโซ่อุปทานเริ่มผ่อนคลายลงแล้ว นอกจากนี้ ห่วงเงินเฟ้อพื้นฐาน เนื่องจากเป็นตัวสะท้อนว่าเครื่องยนต์เงินเฟ้อจะจุดติดหรือไม่” ดร.เศรษฐพุฒิกล่าว

อย่างไรก็ตาม ดร.เศรษฐพุฒิยังย้ำว่า ธปท. ยังยึดหลักปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามบริบทของประเทศ โดยระบุว่า “ผมอยากจะย้ำว่าสถานการณ์และบริบทไม่เหมือนกับต่างประเทศ อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร ที่ตั้งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแรง (Hike) โดยโอกาสที่เครื่องยนต์เงินเฟ้อของประเทศไทยจะจุดติดมีน้อยกว่าประเทศอื่นๆ”

‘บาทอ่อน’ ไม่กระทบเงินเฟ้อมากนัก

ผู้ว่าการ ธปท. ย้ำอีกว่า การอ่อนค่าของเงินบาทส่วนใหญ่มาจากปัจจัยระดับโลก หรือการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ และไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อมากนัก

“แม้ว่าการอ่อนค่าของเงินบาทจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนนำเข้า แต่โดยรวมการอ่อนค่าของเงินบาทไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อ ‘มากขนาดนั้น’ โดยเงินบาทที่อ่อนค่าลงทุก 1% จะทำให้เงินเฟ้อทั่วไปของไทยเพิ่มขึ้นประมาณ 0.06% โดยช่วงนี้อาจมากกว่านั้นหน่อย และเดิมจะอยู่ประมาณนั้น” ดร.เศรษฐพุฒิกล่าว

ยอมรับเข้าดูแลเงินบาทแล้วตอนผันผวนหนัก ยันไม่พบการเก็งกำไรค่าเงิน

อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าฯ ยอมรับว่า ไม่อยากเห็นความผันผวนที่สูงเกินไป หรือเร็วเกินไปจนผิดปกติ พร้อมย้ำว่า ธปท. ได้เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด และได้เข้าไปดูแลตอนที่ความผันผวนสูงกว่าปกติ เนื่องจากไม่อยากให้ความผันผวนกระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ในการดูแล ธปท. ก็จะไม่ฝืนทิศทางของตลาด เพราะเรามีบทเรียนจากวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 แล้ว

สำหรับความกังวลเรื่องการเก็งกำไรค่าเงินบาท ดร.เศรษฐพุฒิยังยืนยันว่า ไม่เห็นการไหลของเงินทุน (Flow) ที่ผิดปกติ แต่สัญญาว่าจะจับตาดูอย่างใกล้ชิด

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH