วันนี้ (13 พฤศจิกายน) ที่ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ เซเวอรีน ลีโอนาดิ รักษาการผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ได้ร่วมกันแถลงข่าวความร่วมมือในการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยของศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนกรุงเทพมหานคร พร้อมเปิดตัวเว็บไซต์แผนการจัดการเรียนรู้ฯ อย่างเป็นทางการที่ https://learning.bangkok.go.th/ecdplan/
รองผู้ว่าฯ ศานนท์ กล่าวว่า กทม. ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย ตามนโยบาย เรียนดี เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เด็กเล็กก่อนวัยเรียนอายุ 2 – 6 ปี การมีแผนการจัดการเรียนรู้ที่เป็น แกนกลาง จะช่วยให้เด็กได้รับการพัฒนาอย่างสมวัย เป็นระบบ และเตรียมความพร้อมสู่ระดับการศึกษาที่สูงขึ้น ทั้งยังเป็นเครื่องมือสำคัญให้อาสาสมัครผู้ดูแลเด็กสามารถนำไปปรับใช้ในบริบทของแต่ละพื้นที่ได้
แผนการจัดการเรียนรู้ฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างสำนักพัฒนาสังคม กทม. และองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ภายใต้แผนความร่วมมือระยะเวลา 5 ปี โดยมีผู้แทนอาสาสมัครผู้ดูแลเด็กจากศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนต้นแบบ 12 แห่ง เข้าร่วมจัดทำและได้รับเกียรติบัตรในวันนี้ด้วย
เซเวอรีน ลีโอนาดิ แสดงความยินดีและภูมิใจที่ได้ทำงานร่วมกับ กทม. โดยระบุว่า ความสำเร็จนี้จะเป็นแรงบันดาลใจและแสงสว่าง ให้กับอีกหลายหน่วยงานและจังหวัดทั่วประเทศ ในการลงทุนด้านเด็กปฐมวัย โดยเน้นนโยบายที่คิดถึงผู้ที่อยู่ในห้องเรียนจริงคือครูและเด็ก
แผนการจัดการเรียนรู้ฯ ที่เผยแพร่นี้ ประกอบด้วย 4 สาระการเรียนรู้ และจำแนกเป็นแผนรายกิจกรรมสำหรับช่วงอายุ 2 – 6 ปี ที่สำคัญคือยังครอบคลุมแนวการศึกษาปฐมวัยสำหรับศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนที่มีจุดเน้นเฉพาะ 5 แนวการศึกษา ได้แก่ วอลดอร์ฟ, ไฮสโคป, วิถีพุทธ, วิถีอิสลาม และ มอนเตสซอรี
รองผู้ว่าฯ ศานนท์ ย้ำว่า แม้แผนการเรียนรู้ฯ จะเกิดขึ้นแล้ว แต่งานยังไม่จบ โดย กทม. จะนำไปขยายผลต่อให้ ครอบคลุมศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนทั้ง 259 แห่ง และเตรียมจัดกิจกรรมอบรมให้อาสาสมัครผู้ดูแลเด็กในเดือนธันวาคม 2568 เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและนำไปประยุกต์ใช้ พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า
“นับเป็นครั้งแรกที่ กทม. มีแผนการจัดการเรียนรู้ฯ กลาง… งานเรายังไม่จบ ยังมีอีกกว่าสองร้อยศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน ที่เราต้องเดินหน้ายกระดับการสอนต่อ วางกลไกให้ทุกศูนย์ฯ มีมาตรฐานเท่ากันหรือมากยิ่งขึ้นไปอีก และให้ทุกศูนย์ฯ ดีที่สุดเพื่อดูแลเด็กเล็กของกรุงเทพมหานคร”
ความสำเร็จในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ กทม. ในการสร้าง ทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ ให้มีพัฒนาการเหมาะสมตามวัย และเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติต่อไป


