BANGKOK SPORTSWEAR ตัวแทนจำหน่ายสินค้าแฟชั่น Streetwear และกีฬา กำลังผ่องถ่ายธุรกิจเข้าสู่เจเนอเรชันที่ 2 ที่ได้ละทิ้งความฝันในดินแดนแห่งเสรีภาพเพื่อมารับช่วงต่อจากครอบครัว
วิชนารถ สิริสิงห์ ผู้จัดการทั่วไป BANGKOK SPORTSWEAR เล่าว่า ตัวเขาเพิ่งกลับมารับตำแหน่งได้ไม่นาน ก่อนหน้านี้ได้บินไปเรียนต่อที่ด้าน Data Analytics ที่สหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะทำงานให้กับบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ ซึ่งเดิมกำลังจะย้ายไปอีกบริษัทแต่ถูกเรียกกลับมาก่อน
“ด้วยความที่คุณพ่ออายุเยอะแล้ว เลยอยากให้กลับมาทำธุรกิจที่บ้าน ผมเลยต้องกลับมา เพราะมองว่าผมเป็นคนรุ่นใหม่ น่าจะตามเรื่องเทรนด์แฟชั่นและเข้าใจได้ดีกว่า” วิชนารถเล่า
ดั้งเดิม BANGKOK SPORTSWEAR ทำโรงงานที่รับจ้างผลิตมาก่อนจะขยับมาเป็นตัวแทนจำหน่าย ปัจจุบันมีแบรนด์ที่อยู่ในมือ 3 แบรนด์หลัก ได้แก่ NEW ERA, XLARGE และ Kappa
เริ่มที่ NEW ERA แบรนด์หมวกที่มีประวัติมา 100 กว่าปี ที่แม้จะดังเรื่องหมวกแต่ความจริงเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่มีตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งสนใจตลาดอาเซียนด้วยมีสัดส่วนรายได้แค่ 2% ทำให้มีโอกาสที่จะเติบโต
ส่วนหนึ่งสะท้อนจากการทดลองนำสินค้ากลุ่มลิมิเต็ดเอดิชันเข้ามา ปรากฏว่าขายหมดเร็วมาก ซึ่งไม่ใช่แค่หมวกเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเสื้อผ้า บางครั้งคนไทยยังไม่ทันได้ซื้อแต่โดนนักท่องเที่ยวซื้อไปก่อน นั่นแปลว่า NEW ERA เป็นแบรนด์ที่สามารถขยายได้อีก
“ไทยเป็นเมืองร้อน ทำให้ผู้คนใส่หมวกค่อนข้างเยอะ นอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทำให้บริษัทแม่มองว่ามีโอกาส แต่ที่ผ่านมา NEW ERA ไม่เคยลงมาทำตลาดอย่างจริงจัง จนเราได้เข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่าย ซึ่งเราไม่ได้มองว่า NEW ERA มีแค่หมวก แต่เป็นภาพสะท้อนวัฒนธรรมอเมริกัน”
ขณะที่ XLARGE เป็นแบรนด์ Street Fashion ที่ใส่สบายๆ และไม่ตกยุค ซึ่งเป็นเทรนด์ที่คนใหญ่ชอบ ส่วน Kappa เป็นแบรนด์แฟชั่นที่โด่งดังอย่างมากในยุโรป ซึ่งเพิ่มเข้ามาในพอร์ตของ BANGKOK SPORTSWEAR ได้ไม่นานมานี้
“การจะเลือกแบรนด์เข้ามาในพอร์ต ก่อนอื่นเราจะต้องมั่นใจก่อนว่า 70% จะขายได้ เราจึงไม่เลือกแบรนด์ที่เป็นเทรนด์ เพราะมาแล้วก็ไป” วิชนารถกล่าว “ขณะเดียวกันด้วยพฤติกรรม ‘ของมันต้องมี’ ในหมู่วัยรุ่นไทย ทำให้กลุ่ม Streetwear มีการเติบโตด้วยเช่นกัน”
ปัจจุบัน BANGKOK SPORTSWEAR มีร้านค้าในมือราว 20-30 แห่ง โดยมีแพลนที่จะขยายไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากขึ้น เพราะ “มีกำลังซื้อเยอะมากในกลุ่มหัวเมือง ข้อมูลนี้เราได้มาจากกลุ่มพ่อค้าที่รับหิ้วไปขาย ทำให้เราสนใจที่จะไปเปิดเอง เบื้องต้นจะมีที่จังหวัดขอนแก่นและอุบลราชธานี”
ปีนี้คาดว่าในภาพรวมจะทำรายได้ 200 ล้านบาท ส่วนแผนในอนาคตยังจะไม่ขยายแบรนด์ไปมากกว่านี้ เนื่องจากต้องการโฟกัสแบรนด์ที่มีก่อน เพราะ “เป้าหมายของผมคือการทำให้ผู้คนรู้จักแบรนด์ต่างๆ มากกว่านี้ อย่าง NEW ERA คนญี่ปุ่นใช้กันทั้งประเทศ ส่วน XLARGE และ Kappa ก็อยากให้สามารถหยิบมาสวมใส่ได้ทุกวันในทุกโอกาส”
