วันนี้ (15 กันยายน) ที่ห้องประชุมเจ้าพระยา ศาลาว่ากรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย ขจิต ชัชวานิชย์ ปลัด กทม. และ เอกวรัญญู อัมระปาล โฆษก กทม. ร่วมรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และมาตรการการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ
ขจิตกล่าวว่า ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พื้นที่กรุงเทพฯ มีฝนตกเกิน 100 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันต้องแบ่งเป็น 2 ส่วน คือกลุ่มเขตหลักสี่ เขตดอนเมือง เขตบางเขน น้ำสูงสุดที่คลองเปรมประชากร 1.56 เมตร ปัจจุบันเหลือ 1 เมตรแล้ว ซึ่งเขตบางเขนในซอยต่างๆ ระดับน้ำลดลงเกือบหมดแล้วเช่นกัน คาดว่าถ้าฝนไม่ตกอีก 2-3 วัน สถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ
ส่วนที่ 2 คือเขตลาดกระบัง เขตประเวศ เขตหนองจอก สถานการณ์น้ำลดลงไปประมาณ 50 เซนติเมตร สถานการณ์ดีขึ้น และวานนี้ (14 กันยายน) ที่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรักษาการแทนนายกรัฐมนตรี และ ชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่เขตหนองจอก เห็นว่าระดับน้ำเริ่มลดระดับ ทางผู้ว่าฯ กทม. ได้ขอให้กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ทำทางด่วนน้ำ
ขจิตกล่าวต่อไปว่า ผู้ว่าฯ กทม. ได้ตัดสินใจเปิดประตูน้ำลาดกระบังและกระทุ่มเสือปลา ทำให้ระดับน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว คาดว่าไม่เกิน 7 วัน ถ้าฝนไม่ตกเพิ่ม น้ำจะลดลงทั้งหมด ส่วนปัจจุบันสถานการณ์น้ำเหนือผ่านอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยามาอยู่ในระดับที่รับได้ ทำให้ไม่มีอะไรที่น่าเป็นกังวล พื้นที่ฟันหลอริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้ง 17 เขต ได้ให้สำนักเขตเตรียมเฝ้าระวังไว้แล้ว
ด้านทวิดากล่าวว่า สถานการณ์ที่ผ่านมาทาง กทม. พยายามปรับให้มีศูนย์กลางของข้อมูล เมื่อเขตทราบข้อมูลว่าจะมีฝนตกหนักในพื้นที่ ทุกหน่วยของ กทม. จะออกไปเตรียมพร้อมก่อน และได้ให้การช่วยเหลือต่างๆ ทั้งการอำนวยความสะดวกประชาชน และการประสานอำนวยความสะดวกจราจร รวมถึงมีการทำสุขาชั่วคราวในการช่วยให้มีเครื่องมือทางสุขอนามัยเพิ่มขึ้น รวมถึงการทำถุงยังชีพ
ส่วนการช่วยเหลือเยียวยา ขณะนี้สำนักงานเขตกำลังทำข้อมูลทั้งหมดเพื่อเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ และการประกาศพื้นที่สาธารณภัยเพิ่มเติมยืนยันว่าไม่ได้ประกาศพื้นที่สาธารณภัยเพื่อให้เกิดความวิตก แต่เพื่อให้เป็นไปตามข้อบัญญัติของ กทม. ในการให้ความช่วยเหลือ ซึ่งเดิม กทม. สามารถเยียวยาตามเกณฑ์ได้ แต่การประสานขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมในการประกาศเขตภัยพิบัตินั้น แม้จะได้รับการเยียวยา แต่ต้องไม่ซ้ำประเภทกัน
กรณีที่ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่เขตลาดกระบังเมื่อวานนี้ช่วยทำให้การประสานงานเร็วขึ้นด้วยหรือไม่นั้น ทวิดากล่าวว่าการประสานงานกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ดำเนินการมากว่า 2 สัปดาห์แล้ว แต่การมาของ พล.อ. อนุพงษ์ ครั้งนี้เพื่อให้เห็นว่าทุกภาคส่วนให้ความสำคัญ ส่วนเกณฑ์เยียวยาไม่ได้พึ่งเกิดขึ้นแต่มีอยู่เดิมมาก่อนแล้ว และก่อนหน้านี้ใช้ทรัพยากรของ กทม. เป็นหลัก
ด้านเอกวรัญญูกล่าวว่า ที่ผ่านมา กทม. โดนวิพากษ์วิจารณ์เยอะพอสมควร จึงต้องชี้แจงว่าเกิดอะไรขึ้น รวมถึงกรณีพื้นที่เขตลาดกระบัง กทม. มีการดูแลมาตลอด ไม่ใช่ไม่ได้ดูแลเลย และยืนยันว่าจะหาทุกช่องทางช่วยเหลือประชาชนให้ดีที่สุด และให้ความมั่นใจว่า กทม. ไม่ทิ้งประชาชนแน่นอน
สำหรับพื้นที่ประสบอุทกภัยที่จะประกาศเป็นพื้นที่สาธารณภัยทั้งหมด 6 พื้นที่ ประกอบด้วย แขวงลาดกระบัง แขวงคลองสองต้นนุ่น แขวงคลองสามประเวศ แขวงขุมทอง แขวงทับยาว และแขวงลำปลาทิว มีประชาชนได้รับความเสียหายจากอุทกภัย 10,300 หลังคาเรือน มีประชากรทั้งหมด 20,767คน รวมถึงพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 1,322 ไร่ แบ่งเป็นนาข้าว 800 ไร่ สวนผักและผลไม้ 22 ไร่ และพื้นที่บ่อปลาอีก 500 ไร่