วันนี้ (1 ธันวาคม) ที่ห้องนพรัตน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะประธานกรรมการบริหารจัดการศาลาว่าการกรุงเทพมหานครและลานคนเมืองสู่พิพิธภัณฑ์เมืองกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 2/2565
ชัชชาติกล่าวว่า การประชุมวันนี้มีมติให้เตรียมแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ ชุดย่อยขึ้นมา โดยใช้ผู้ทรงคุณวุฒิที่เชี่ยวชาญ เช่น จากมหาวิทยาลัยต่างๆ และแต่งตั้งที่ปรึกษาฯ ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ในด้านการสร้างคุณค่าและเนื้อหาของพิพิธภัณฑ์ให้มีความน่าสนใจ
วันนี้คณะกรรมการฯ หลายท่านได้เดินดูพื้นที่ศาลาว่าการ กทม. เสาชิงช้าโดยละเอียดทุกชั้น และอยากให้พิพิธภัณฑ์ดังกล่าวที่เป็นสะดือกรุงเทพฯ ที่ทุกคนต้องมาเยือน เพราะเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูล ให้เป็นเหมือนสปริงบอร์ด เพื่อนำกระโดดไปสู่สถานที่ต่างๆ ที่น่าสนใจในกรุงเทพฯ
โดยพิพิธภัณฑ์ต้องมีชีวิต ต้องนำเสนอเรื่องราวที่ทันสมัยต่อสถานการณ์อยู่เสมอ ซึ่งเรามีตัวอย่าง เช่น พิพิธภัณฑ์พัฒน์พงศ์ และพิพิธภัณฑ์ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ หรือข่วง ที่ปรับเปลี่ยนศาลากลางจังหวัดเป็นพิพิธภัณฑ์และถนนคนเดิน บริเวณอนุสาวรีย์ลานสามกษัตริย์ ซึ่งเปลี่ยนให้เป็น People Square คือที่ที่ผู้คนมารวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรม ซึ่งคล้ายกับศาลาว่าการ กทม. ที่มีลานคนเมือง
แต่เนื่องจากกรุงเทพฯ มีรายละเอียดมากมายและเป็นเมืองใหญ่ จึงต้องคิดและพิจารณาผลกระทบให้รอบคอบ รอบด้าน และต้องใช้เวลาเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ โดยจะดำเนินการคู่ขนานไปกับการดำเนินการย้ายสถานที่ของหน่วยงานใน กทม. ที่ต้องมีการของบประมาณเพื่อปรับปรุงสถานที่ทำงานที่ศาลาว่าการ กทม. ดินแดง
“เรื่องที่ยากไม่ใช่การย้ายสถานที่ทำงาน เพราะนั่นเป็นเรื่องของงบประมาณและการปรับปรุงสถานที่ซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์ แต่สิ่งที่ยากคือการทำให้พิพิธภัณฑ์แห่งใหม่เป็นที่สนใจ สามารถจูงใจคนและนักท่องเที่ยวให้มาชมพิพิธภัณฑ์อยู่ตลอดเวลา ทำให้พิพิธภัณฑ์มีความน่าตื่นเต้นและมีค่าสูงสุดกับเมือง ซึ่งนั่นเป็นศิลป์และมีความท้าทาย เพราะมีหลายแนวทางในการดำเนินการ” ชัชชาติกล่าว
ชัชชาติกล่าวอีกว่า พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นสิ่งที่จำเป็น แต่ไม่ใช่สิ่งที่เร่งด่วน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นเพราะพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวจะมีชีวิตชีวาและมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด โดยอาจจะแบ่งเป็นโซนอดีตอันรุ่งเรือง ปัจจุบันอันน่าตื่นเต้น และอนาคตที่เป็นไปได้ รวมถึงโซนแสดงเหตุการณ์ที่มีผลกระทบกับกรุงเทพฯ และทั่วประเทศ เช่น เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ต่างๆ โดยจะนำเสนอทั้งเรื่องบวกและลบ เพื่อเป็นข้อมูลในพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวอีกด้วย
สำหรับเรื่องผลกระทบกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น บุคลากรของ กทม. และร้านค้าย่านเสาชิงช้า ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนจะกลัวผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง ซึ่งก็เห็นใจและพยายามชี้แจงเหตุผลอยู่ ยกตัวอย่างเช่น กระทรวงมหาดไทยก็จะมีการย้ายที่ทำการทั้งกระทรวงเช่นกัน เพื่อความเหมาะสมของเมือง
“เนื่องจากบริบทของคนทำงานกับแหล่งวัฒนธรรมของเมืองอาจไม่สอดคล้องกัน แต่เราต้องเอาประโยชน์ของเมืองและส่วนรวมเป็นหลัก ซึ่งเชื่อว่าหลายอย่างอาจจะช่วยบรรเทาปัญหาให้ผู้ได้รับผลกระทบได้ เช่น กทม. จะพัฒนาการเชื่อมต่อการเดินทาง รวมถึงการประสานเครือข่ายโรงเรียนต่างๆ ให้ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานเรียนอยู่บริเวณใกล้เสาชิงช้า ซึ่งจะมีการประสานงานและดูแลเรื่องโรงเรียนให้เหมาะสม” ชัชชาติกล่าว
ชัชชาติกล่าวต่อไปว่า ยังพอมีเวลาสำหรับการเตรียมตัวให้ผู้ได้รับผลกระทบพอสมควร และขอยืนยันว่าศาลาการ กทม. ดินแดง มีพื้นที่เพียงพอต่อการทำงาน แต่อาจต้องมีการปรับปรุงสถานที่ในแต่ละชั้นให้มีความเหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการปรับปรุงเรื่องระบบความปลอดภัย เช่น ลิฟต์ และน้ำรั่วซึม เป็นต้น
ทั้งนี้ การย้ายสถานที่ทำการของ กทม. จากศาลาว่าการ กทม. เสาชิงช้า ไปรวมไว้ที่อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการ กทม. ดินแดง มีการตั้งคณะกรรมการ 2 ชุดในประเด็นดังกล่าว คือ คณะกรรมการบริหารจัดการในการย้ายหน่วยงาน / ส่วนราชการภายในศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ไปยังศาลาว่าการ กทม. ดินแดง และคณะกรรมการบริหารจัดการศาลาว่าการ กทม. และลานคนเมือง สู่พิพิธภัณฑ์เมืองกรุงเทพมหานคร
โดยทั้งสองคณะกรรมการมีบทบาทต่างกันคือ บทบาทด้านการควบคุมการย้ายและพัฒนาพื้นที่รองรับการย้ายข้าราชการและพนักงานของ กทม. กว่า 2,500 คน และบทบาทด้านการพิจารณาว่าเมื่อย้ายแล้วจะบริหารจัดการพื้นที่บริเวณศาลาว่าการ กทม. เสาชิงช้า จะปรับเป็นพิพิธภัณฑ์เมือง โดยย้ายสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว เข้าไปอยู่ เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้ ที่ผ่านมาการประชุมได้หารือถึงแนวทางบริหารจัดการพื้นที่
โดยสามารถสรุปได้ว่า หากมีการย้ายจะต้องปรับปรุงพื้นที่เดิมโดยมีเป้าหมาย 4 ข้อ คือ
- เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมความเป็นเมืองของกรุงเทพมหานครทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
- ต้องสามารถเป็นหมุดหมายการเดินทางให้สำเร็จ ยกตัวอย่างเช่น พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ซึ่งเป็นหมุดหมายของนักเดินทางทั่วโลก
- ต้องเป็นการฟื้นฟูสภาพของเมืองชั้นในของกรุงเทพฯ ทั้งพื้นที่ของศาลาว่าการ กทม. และเกาะรัตนโกสินทร์
- ต้องแสดงถึงชีวิตของคน มีกิจกรรมของคน มีพื้นที่ให้คนทุกเพศทุกวัย ให้มีกิจกรรมเกิดขึ้น โดยกรรมการทั้งสองคณะที่ตั้งขึ้นมีระยะเวลาในการดำเนินการศึกษา