วานนี้ (20 มีนาคม) พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) แจ้งว่า กทม. พร้อมสนับสนุนแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิดของกระทรวงสาธารณสุข รักษาฟรี ‘UCEP โควิด พลัส’ ได้ทุกโรงพยาบาล รวมถึงรักษาฟรีในโรงพยาบาลตามสิทธิที่มี ซึ่งจำแนกเกณฑ์อาการโควิดแบ่งเป็นผู้ป่วยสีเขียว สีเหลือง สีแดง ให้ชัดเจน โดยมีหลักเกณฑ์การจำแนกอาการโควิด ดังนี้
- UCEP โควิด พลัส (UCEP COVID-19 Plus) ย่อมาจาก Universal Coverage for Emergency Patients Plus เป็นเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต กรณีติดเชื้อโรคโควิด เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อโควิดในกลุ่มผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตสีแดงและสีเหลือง รวมถึงสีเขียวที่อาการเปลี่ยนแปลงเป็นสีเหลือง
- แนวทางการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อโควิด ผู้ป่วยยังได้รับการรักษาฟรีทุกราย โดยแบ่งตามกลุ่มระดับอาการโควิด ได้แก่ ผู้ป่วยสีเขียว เข้ารับการรักษาได้ฟรีในโรงพยาบาลตามสิทธิ ได้แก่ บัตรทอง สวัสดิการข้าราชการ ประกันสังคม โดยกักตัวที่บ้าน (HI), กักตัวในชุมชน (CI), Hospitel หรือเข้าโครงการ ‘เจอ แจก จบ’ ที่หน่วยบริการใกล้บ้าน สามารถติดต่อสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โทร. 1330 กด 14, ประกันสังคม โทร. 1506, กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) โทร. 1426, ผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดง เข้ารับรักษาฟรีในโรงพยาบาลตามสิทธิ และรักษาฟรีกับ UCEP Plus ได้ทุกโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน ติดต่อศูนย์เอราวัณ โทร. 1669, สปสช. โทร. 1330 กด 14, สบส. โทร. 1426, UCEP Plus โทร. 0 2872 1669
สำหรับจำนวนวันรักษาโควิดในโรงพยาบาล เดิมกำหนดไว้ 10 วัน จะมีการหารือปรับลดเป็นลักษณะ 7+3 คือ รักษาในโรงพยาบาล 7 วัน และกลับไปแยกกักตัวที่บ้านต่ออีก 3 วัน แต่ทั้งนี้จะต้องพิจารณาบนหลักของความปลอดภัยโดยแพทย์ ส่วนยารักษาโควิด โมลนูพิราเวียร์ ที่กระทรวงสาธารณสุขจัดสรรมา จะใช้ทั้งในกลุ่ม 608 และคนทั่วไป
ทั้งนี้ UCEP Plus ผู้ติดเชื้ออาการสีเหลืองและสีแดงสามารถเข้ารักษาในโรงพยาบาลได้ทุกแห่งจนหายป่วย ไม่จำกัดแค่ 72 ชั่วโมงเหมือน UCEP ปกติ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และหากอาการรุนแรงขึ้นจำเป็นต้องส่งต่อไปโรงพยาบาลอื่นในเครือข่ายจะไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่หากผู้ป่วยหรือญาติประสงค์จะไปรักษาที่โรงพยาบาลนอกเครือข่าย จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง
ส่วนผู้ป่วยอาการสีเขียวจะให้เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลตามสิทธิโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และหากอาการเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือสีแดง สามารถส่งต่อไปยังโรงพยาบาลอื่นโดยใช้สิทธิ UCEP Plus ได้เช่นกัน
UCEP Plus ต้องมีผลตรวจ ATK หรือ RT-PCR เป็นบวก ร่วมกับมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ
- ภาวะหัวใจหยุดเต้น มีสิ่งอุดกั้นทางเดินหายใจ หายใจลำบากเฉียบพลัน มีภาวะช็อก มีภาวะโคม่า ซึมลง (เมื่อเทียบกับระดับความรู้สึกเดิม) หรือกำลังชักเมื่อแรกรับที่จุดคัดแยก
- มีอาการไข้สูงเกิน 39 องศาเซลเซียส มากกว่า 24 ชั่วโมง หรือหายใจเร็วมากกว่า 25 ครั้งต่อนาทีในผู้ใหญ่ หรือออกซิเจนในเลือดเมื่อแรกรับน้อยกว่า 94% หรือมีระดับออกซิเจนลดต่ำลงกว่าภาวะปกติ 3% เมื่อออกแรง หรือโรคประจำตัวเปลี่ยนแปลงรุนแรง หรือจำเป็นต้องรับการติดตามใกล้ชิดตามดุลยพินิจของแพทย์ หรือในเด็กมีอาการหายใจลำบาก ซึมลง ดื่มนมหรือกินอาหารน้อยลง หรือผู้ป่วยมีความเสี่ยงสูงตามดุลยพินิจของแพทย์
- มีอาการอย่างอื่นร่วมด้วย คือ เหนื่อยหอบ หายใจเร็ว มีปัจจัยเสี่ยงอาการรุนแรงหรือโรคร่วม เช่น อายุมากกว่า 60 ปี, โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง, โรคปอดเรื้อรังอื่นๆ, โรคไตเรื้อรัง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคหัวใจแต่กำเนิด, โรคหลอดเลือดสมอง, เบาหวานที่คุมไม่ได้, ภาวะอ้วน น้ำหนักเกิน 90 กิโลกรัม, หญิงตั้งครรภ์, ตับแข็ง, ภูมิคุ้มกันต่ำ และเม็ดเลือดขาวน้อยกว่า 1,000 เซลล์ต่อไมโครลิตร หรืออื่นๆ ตามดุลยพินิจของผู้คัดแยกโดยการใช้สิทธิ สามารถโทรแจ้งศูนย์เอราวัณ 1669 ซึ่งจะประเมินอาการและรักษาเบื้องต้น และกรอกรายละเอียดอาการผ่านโปรแกรม PA ของศูนย์เอราวัณ
หากเข้าเกณฑ์ UCEP Plus จะสามารถใช้สิทธิได้ทันที ทั้งนี้หากต้องการคำปรึกษากรณีมีข้อสงสัยหรือมีปัญหาในการใช้สิทธิ ติดต่อสายด่วนสุขภาพสำนักการแพทย์ กทม. โทร. 1646 ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับการใช้สิทธิ UCEP Plus ผู้ติดเชื้อสิทธิบัตรทองกลุ่มอาการสีเหลืองหรือสีแดงยังเข้ารับการรักษาโรงพยาบาลใดก็ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ยกเว้นค่าห้องพิเศษหรืออาหารพิเศษนอกเหนือสิทธิประโยชน์ ส่วนกลุ่มผู้ป่วยสีเขียว ไปรับบริการยังสถานพยาบาลปฐมภูมิในระบบบัตรทองได้ทุกที่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และหากอาการเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือแดง สามารถส่งต่อไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาจนหายได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเช่นกัน
พร้อมกันนี้ กทม. ได้ประสานความร่วมมือกับโรงพยาบาลเอกชนเครือข่ายร่วมให้บริการ เพิ่มจุดการให้บริการ ‘เจอ แจก จบ’ ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ในพื้นที่เขต 15 เขตที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมาก โดยคาดว่าจะสามารถรองรับจำนวนผู้ติดเชื้อที่มารับบริการได้มากขึ้น และเปิดให้บริการได้ภายในสัปดาห์หน้า จุดให้บริการ ‘เจอ แจก จบ’ ประกอบด้วยจุดลงทะเบียน จุดประเมินอาการและความเสี่ยง จุดพบแพทย์ และจุดรับยา ซึ่งสามารถให้บริการกับผู้ป่วยทุกสิทธิการรักษา และอาจขยายจุดให้บริการไปยังพื้นที่อื่นๆ ตามสถานการณ์การแพร่ระบาด