กรุงเทพมหานครยังคงหลับใหลใต้แสงไฟของเมืองต่อไปภายใต้การประกาศใช้ พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ซึ่งมีการประกาศเคอร์ฟิว ห้ามประชาชนออกจากเคหสถานในเวลา 22.00-04.00 น. เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19
ช่างภาพ THE STANDARD เก็บภาพกรุงเทพฯ จากตึกใบหยกชั้น 81 ในช่วงเวลากำหนดเคอร์ฟิว ทุกอย่างเงียบสงัด ไม่มีรถ-คนเดินทางสัญจรตามท้องถนน กิจกรรมนอกเคหสถานหยุดสนิท แสงไฟของเมืองยิ่งส่องให้ความเงียบชัดเจน
แต่ใน ‘ความเงียบ’ มีเสียงประชาชนผู้เดือดร้อนร้องดังระงม ผลจากการหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้หลายชีวิตเดือดร้อนด้วยปัญหาปากท้อง
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะพิจารณาขยาย พ.ร.ก. ฉุกเฉิน หรือไม่ในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายน โดยจะยึดข้อมูลด้านการแพทย์เป็นหลักในการตัดสินใจ
“หลายท่านเรียกร้องให้ปลดโน่นปลดนี่กันในเวลานี้ ผมคิดว่าเราต้องระมัดระวังอย่างที่สุด ต้องฟังข้อมูลจากด้านสาธารณสุข การแพทย์ต่างๆ และมาตรการอื่นเรามีการรองรับได้เพียงพอแล้วหรือไม่ ผมไม่ต้องการตัดสินใจด้วยแรงกดดัน ผมต้องการให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่ ถ้าเราเริ่มอะไรหรือปลดอะไรเร็วเกินไป หากมีการแพร่ระบาดเกิดขึ้น สิ่งที่เราทำมาทั้งหมดในระยะเวลานานพอสมควรมันล้มเหลวทั้งหมด” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว
ด้วยหลักคิดเอาเรื่อง ‘สุขภาพ’ เป็นตัวกำหนดทิศทาง ทำให้หลายคนเชื่อว่า ‘ความเงียบ’ จะยังขยายเวลาออกไป และได้แต่หวังให้มาตรการของรัฐช่วยเยียวยาประชาชนให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ ‘เสียงร้องระงม’ ของประชาชนเงียบสงบลงตาม
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า