วานนี้ (12 มิถุนายน) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมด้วย ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม., พญ.วันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร, บุญญกฤช ปิ่นประสงค์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ และภาคีเครือข่ายองค์กรด้านการจัดสวัสดิภาพสัตว์ในประเทศไทย ร่วมแถลงในประเด็นการคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์ และกรณีไฟไหม้ตลาดศรีสมรัตน์ ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
ชัชชาติกล่าวแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมชี้แจงว่า สำหรับโครงการตลาดศรีสมรัตน์ โซนจำหน่ายปลากัดและสัตว์เลี้ยง เขตจตุจักร เป็นพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งแยกกับตลาดนัดจตุจักรที่ กทม. เป็นผู้ดูแล
โดยโซนที่เกิดเพลิงไหม้มีร้านค้า 118 คูหา และอีกประมาณ 15 คูหาใกล้เคียง พื้นที่รวม 1,400 ตารางเมตร ได้รับแจ้งเหตุเวลา 04.08 น. เจ้าหน้าที่ถึงที่เกิดเหตุ 04.14 น. เข้าควบคุมเพลิงและสงบเวลา 04.37 น. ซึ่งเพลิงลุกลามค่อนข้างเร็ว และไม่สามารถเข้าไปดับได้เนื่องจากมีการล็อกประตู ภายหลังเพลิงสงบไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต แต่มีสัตว์เลี้ยงประเภทสุนัข, แมว, กระต่าย, งู, นก, ปลากัด และไก่ ตายเป็นจำนวนมาก
3 กฎหมายค้าขายสัตว์
ชัชชาติกล่าวต่อว่า ตลาดศรีสมรัตน์มีการค้าขายสัตว์มาประมาณ 20 ปีแล้ว โดยต่อสัญญาใหม่เมื่อ 4 ปีที่แล้ว มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องคือ
- พ.ร.บ.การสาธารณสุข (ใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แบบ อภ.2) ขอกับ กทม.
- พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ (ใบอนุญาตให้ทำการค้าหรือซากสัตว์ แบบ ร.10) ขอกับกรมปศุสัตว์
- พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์
โดยที่ผ่านมา กทม. ไม่เคยออกใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพให้แก่ร้านค้าสัตว์ เนื่องจากยังขาดความชัดเจนในข้อกฎหมาย อย่างไรก็ตาม กทม. มีนโยบายเรื่องการขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยงตลอดช่วงชีวิต จึงทำการสำรวจในส่วนของกิจการที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงกรกฎาคม 2666 กระทั่งวันที่ 12 ธันวาคม 2566 ได้ทำหนังสือถามถึงข้อกฎหมายไปยังกรมอนามัยเรื่องกิจการที่ต้องขอใบอนุญาตกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ทั้งนี้ ได้รับคำตอบกลับมาเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 ว่ากิจการค้าสัตว์เป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งชัดเจนว่าต้องขออนุญาตทั้งหมด ทั้งประเภทฟาร์ม ร้านจำหน่ายสัตว์เลี้ยง ประเภทคาเฟ่สัตว์เลี้ยง และประเภทกิจการสปา อาบน้ำ ตัดขน รับฝากสัตว์เลี้ยงชั่วคราว จึงสั่งการให้สำนักงานเขตลงพื้นที่เพื่อตรวจประเมินกิจการที่เกี่ยวข้อง โดยมีเป้าหมายการตรวจประเมินเสร็จสิ้นในวันที่ 15 กรกฎาคม 2567 แต่ก็มามีเหตุเพลิงไหม้ตลาดศรีสมรัตน์ในวันที่ 11 มิถุนายน 2567
“จากนี้ กทม. จะทำการสำรวจกิจการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่มีอยู่ในกรุงเทพฯ โดยจุดใหญ่ๆ คือ สนามหลวง 2 และตลาดจตุจักร 2 มีนบุรี ซึ่งจะต้องชัดเจนและทำให้ละเอียด เพราะสัตว์เลี้ยงมีบทบาทสำคัญกับหลายครอบครัว ถ้าจะให้ขายต้องมั่นใจว่าสัตว์เลี้ยงจะอยู่ในที่ที่มีคุณภาพ” ชัชชาติกล่าว
พบร้านสัตว์เลี้ยงไม่มีใบอนุญาต 227 แห่ง
ด้านทวิดากล่าวถึงผลการสำรวจกิจการที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง (สุนัขและแมว) ใน กทม. ว่า จากปีที่แล้วจนถึงวันที่ 16 มกราคม 2567 พบว่ามีกิจการที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง (สุนัขและแมว) จำนวน 233 แห่ง โดยมีการขอใบอนุญาตกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ จำนวน 6 แห่ง ไม่มีใบอนุญาต 227 แห่ง ส่วนการขออนุญาตประเภท ร.10 มีใบอนุญาต 30 แห่ง ไม่มีใบอนุญาต 36 แห่ง
โดยเหตุผลที่มีใบอนุญาตกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพน้อย เนื่องจากเพิ่งได้รับการยืนยันจากกรมอนามัยในเรื่องข้อกฎหมาย ซึ่งต่อไปจะต้องมีการขอใบอนุญาตทั้ง 2 ประเภทตามประเภทกิจการ
ด้านรองอธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการในการปรับปรุงกิจการให้มีความถูกต้อง และแจ้งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบสถานที่และการดำเนินการต่างๆ ก่อนที่จะมีการอนุญาตประเภท ร.10
แจกคู่มือร้านค้าก่อนเข้าตรวจสอบ
ส่วนการป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวว่า ได้มีการจัดทำคู่มือสวัสดิภาพสัตว์แจกให้กับผู้ประกอบการในตลาดที่เกิดเหตุ และตลาดที่มีการขายสัตว์เลี้ยง โดยการดำเนินการต่อไปจะร่วมกับ กทม. สำรวจผู้ประสงค์จะเข้าไปทำการค้าสัตว์ เพื่อที่จะเข้าไปตรวจสอบก่อนออกใบอนุญาตประเภท ร.10 ให้
ด้านภาคีเครือข่ายองค์กรด้านการจัดสวัสดิภาพสัตว์ในประเทศไทย ฎายิน เพชรรัตน์ มูลนิธิ SOS Animal Thailand กล่าวว่า ถึงเวลาที่ต้องจัดการด้านข้อมูลการค้าสัตว์อย่างจริงจัง สำรวจใหม่ ทำโซนนิ่ง และหาแนวทางดำเนินการร่วมกัน
ส่วนเลขาธิการสมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย กล่าวว่า เหตุครั้งนี้เป็นความหละหลวมของการบังคับใช้กฎหมายทั้งที่มีอยู่มาก่อนและที่มีเพิ่ม อยากให้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย โดยขอให้ตลาดนัดสัตว์เลี้ยงมีเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์และเจ้าหน้าที่ กทม. เข้าไปตรวจสภาพร้านค้าสัตว์เลี้ยง ไม่ให้ผิดสุขอนามัยสัตว์ รวมถึงต้องดูระบบป้องกันภัยของร้านจากเหตุรอบด้าน
สัตว์ไม่ปลอดภัย ห้ามเปิดขาย
ชัชชาติกล่าวย้ำด้วยว่า จากนี้ต้องลุยเต็มที่ กทม. มีอาวุธคือใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่หัวใจคือต้องมีข้อกำหนด มี Check List ที่ชัดเจนในการตรวจพิจารณาและควบคุมมาตรฐาน ไม่ได้ใช้เพียงวิจารณญาณเจ้าหน้าที่ ต้องร่วมมือกับภาคีเครือข่ายที่มีความรู้เพื่อสร้างมาตรฐานร่วมกัน ซึ่งจะสามารถลดแรงปะทะกับผู้ประกอบการได้ด้วย
“ร้านที่จะประกอบกิจการเลี้ยงและจำหน่ายสัตว์ ต้องขอใบอนุญาตจากกรมปศุสัตว์และกทม. รวม 2 ใบ รับรองว่าถ้าไม่ดีจริง กทม. ไม่ให้ผ่าน และในอนาคต หากตลาดไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนได้ว่าสัตว์จะปลอดภัย ก็จะไม่ให้เปิดตลาดขายสัตว์อีก” ชัชชาติกล่าว