วานนี้ (11 ตุลาคม) การประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่สี่ (ครั้งที่ 2) ประจำปีพุทธศักราช 2566 นฤนันมนต์ ห่วงทรัพย์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) เขตคลองสามวา ได้เสนอญัตติขอให้สภากรุงเทพมหานครตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาแนวทางการปรับเปลี่ยนรถราชการเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle)
เนื่องจากกรุงเทพมหานครเป็นหน่วยงานราชการที่มีรถราชการ เช่น รถตู้โดยสาร รถตรวจการณ์ รถบรรทุกหน่วยบริการเคลื่อนที่เร็ว รถเก็บขนมูลฝอย รถบรรทุกน้ำ และรถบรรทุกต่างๆ เป็นจำนวนมาก
ซึ่งรถดังกล่าวใช้เครื่องยนต์ดีเซลที่เป็นต้นกำเนิดการปล่อยฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 สูงกว่าร้อยละ 49 โดยเฉพาะรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่จะปล่อยฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ถึง 0.10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพการใช้ชีวิตของประชาชน รวมถึงสุขภาพของผู้ที่ปฏิบัติงานใกล้ชิดกับรถ เช่น พนักงานเก็บขนมูลฝอยที่ต้องทำงานต่อเนื่องทุกวัน
ดังนั้น กรุงเทพมหานครจึงควรมีการดัดแปลงรถยนต์ดีเซลเดิมให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อยืดอายุการใช้งานรถยนต์ที่มีอยู่เดิมออกไปได้ หรือพิจารณาจัดสรรงบประมาณในการจัดซื้อรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแทนรถยนต์เดิมที่หมดอายุการใช้งานหรือที่จะต้องจัดซื้อใหม่ ซึ่งจะเป็นการช่วยลดมลพิษทางอากาศและปัญหาฝุ่นละอองได้โดยตรง
อีกทั้งยังเป็นการประหยัดงบประมาณค่าเชื้อเพลิงที่มีราคาสูง และหากกรุงเทพมหานครสามารถตั้งสถานีดัดแปลงเครื่องยนต์ได้เองจะสามารถให้บริการได้ทั้งรถราชการและประชาชน โดยอาจมีการนำร่องในเขตที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีปริมาณการจราจรและประชากรหนาแน่น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมการใช้รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในราชการ จึงขอให้สภากรุงเทพมหานครตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาแนวทางการปรับเปลี่ยนรถราชการเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle)
นฤนันมนต์กล่าวว่า ญัตตินี้เคยยื่นมาแล้วก่อนปีงบประมาณ 2567 เนื่องจากใน กทม. มีรถสันดาปวิ่งอยู่กว่า 2.4 ล้านคัน โดยเป็นรถดีเซลในสังกัด กทม. เช่น รถเก็บขนมูลฝอยที่มีมากถึง 2,000 คัน และรถในแต่ละเขตอีกกว่า 500 คัน ถึงแม้จะไม่ถึง 1% ของรถที่วิ่งใน กทม. ก็ตาม แต่ก็พบว่ารถของ กทม. ใช้งานวิ่งในระยะยาวนานกว่า ซึ่งการปรับเปลี่ยนรถราชการที่มีเครื่องยนต์ดีเซลเป็นรถ EV ก็เป็นเรื่องที่แม้แต่นายกรัฐมนตรีให้ความสนใจ รวมถึงรัฐบาลจะผลักดัน พ.ร.บ.อากาศ เพื่อให้ครอบคลุมในพื้นที่กรุงเทพฯ และประเทศไทย
เขตคลองสามวาเป็นอันดับ 5 เขตที่มีค่าฝุ่นละออง PM2.5 สูงสุดใน กทม. บ่อยครั้ง ซึ่งฝุ่นละอองขนาดเล็กนอกจากจะส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมแล้วยังส่งผลกระทบกับประชาชนจำนวนมากด้วย เมื่อมาพิจารณาดูก็พบว่าหนึ่งในสาเหตุคือรถดีเซล หาก กทม. เริ่มต้นจะทำให้ประชาชนเห็นว่าเราเป็นผู้นำ และเป็นต้นแบบให้กับ อปท. (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) ทั่วประเทศต่อไป
จากนั้นสมาชิกสภากรุงเทพมหานครได้ร่วมอภิปรายในเรื่องประโยชน์ของการใช้รถพลังงานไฟฟ้า และเสนอแนะแนวทางที่เป็นประโยชน์ เพื่อสนับสนุนญัตติหลายท่าน ได้แก่ พุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ สก. เขตยานนาวา, กิตติพงศ์ รวยฟูพันธ์ สก. เขตทุ่งครุ, ฉัตรชัย หมอดี สก. เขตบางนา และ วิพุธ ศรีวะอุไร สก. เขตบางรัก
ด้าน ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครพร้อมที่จะทำงานกับสภา กทม. เพื่อทำให้คุณภาพชีวิตของคน กทม. ดีขึ้น และคงมีหลายมิติที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมีหลายหน่วยงานที่ดูแลเพื่อให้แผนของ กทม. มีความสอดคล้องกัน ยินดีที่ทุกท่านจะร่วมกันทำให้กรุงเทพฯ ของเราเป็นเมืองที่น่าอยู่
ที่ประชุมสภา กทม. มีมติให้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาแนวทางการปรับเปลี่ยนรถราชการเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle) จำนวน 17 คน กำหนดระยะเวลาการศึกษา 90 วัน