วันนี้ (15 มิถุนายน) ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจร้านค้าสัตว์เลี้ยงที่ตลาดจตุจักร 2 เขตมีนบุรี และตลาดธนบุรี (สนามหลวง 2) เขตทวีวัฒนา พร้อมด้วย ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, คณะผู้บริหาร, ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักสิ่งแวดล้อม และสำนักงานเขตในพื้นที่
ทวิดากล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้ประสานไปยังกรมอนามัยตั้งแต่ปลายปี 2566 เพื่อความชัดเจนในเรื่องการขอใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ ซึ่งเราได้รับการยืนยันว่าผู้ประกอบการร้านค้าจะต้องมีทั้ง 2 ใบ คือ ใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ (แบบ อภ.2) ที่ขอกับ กทม. และใบอนุญาตให้ทำการค้าสัตว์หรือซากสัตว์ (แบบ ร.10) ซึ่งขอกับกรมปศุสัตว์
วันนี้ที่ลงพื้นที่ตรวจ เนื่องจากในรายละเอียดการขอใบอนุญาตจำเป็นจะต้องทราบถึงสวัสดิภาพของสัตว์ ทั้งเรื่องอาหารการกิน การอยู่อาศัย ว่าหนาแน่น หรือเป็นอันตรายกับสัตว์หรือไม่ มีสัตว์พักค้างหรือนำกลับมากน้อยเพียงใด ตลอดจนการตรวจจุดวางถังดับเพลิง สวิตช์ไฟ และเบรกเกอร์ แต่ละจุดว่ายังสามารถใช้งานได้ตามปกติหรือไม่
ทวิดากล่าวต่อว่า การมาลงพื้นที่ในครั้งนี้ยังถือเป็นการสื่อสารกับผู้ประกอบการร้านค้าว่า ทาง กทม. จะตั้งจุด One Stop Service ที่ตลาดให้ผู้ค้าสามารถมาขอรับใบอนุญาตได้ทั้ง 2 ใบ ทั้งนี้ได้เร่งให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการให้แล้วเสร็จทั้ง 2 ตลาดภายในวันที่ 15 กรกฎาคม และอยากให้ทางสำนักอนามัยลงพื้นที่ตรวจสุขภาพของผู้ค้าหรือคนดูแลสัตว์ในพื้นที่ตลาดด้วย เนื่องจากอาจสัมผัสกับเชื้อโรคจากสัตว์ได้โดยตรง ซึ่งฝุ่นละอองจากสัตว์ปีกอาจก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ และอยากให้ตรวจการระบายน้ำเสียจากร้านค้าสัตว์เลี้ยงว่าถูกสุขอนามัยหรือไม่
ทั้งนี้จากการลงพื้นที่ร้านค้าสัตว์เลี้ยงในตลาดจตุจักร 2 พบว่า มีจำนวนแผงค้าสัตว์เลี้ยงทั้งหมด 49 ราย เป็นแผงค้าที่มีใบอนุญาตให้ทำการค้าสัตว์หรือซากสัตว์ (แบบ ร.10) เพียง 2 รายเท่านั้น มีสัตว์เลี้ยงประเภทต่างๆ เช่น ปลา นก เป็ด ไก่ สุนัข และแมว รวมทั้งสิ้น 8,546 ตัว จำนวนสัตว์ที่มีมากที่สุดคือปลาสวยงาม
ส่วนตลาดธนบุรี (สนามหลวง 2) มีจำนวนแผงค้าสัตว์เลี้ยงทั้งหมด 64 ราย ประเภทสัตว์เลี้ยงใกล้เคียงกัน รวมทั้งสิ้น 70,784 ตัว จำนวนสัตว์ที่มีมากที่สุดคือปลาสวยงามเช่นเดียวกัน และเป็นแผงค้าที่มีใบอนุญาตให้ทำการค้าสัตว์หรือซากสัตว์ (แบบ ร.10) เพียง 14 ราย