ธนาคารกรุงเทพรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 6,923 ล้านบาท ลดลง 9.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักที่ลดลงมาจากการตั้งสำรองเพิ่มเพื่อรับกับสถานการณ์โควิด-19 ที่อาจะเกิดขึ้น และค่าใช้จ่ายของธนาคารเพอร์มาตาที่เพิ่มขึ้น แต่หากเทียบจากไตรมาส 4/63 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 188.7% โดยไตรมาส 4/63 มีการตั้งสำรองฯ 7,203 ล้านบาท
รายได้ดอกเบี้ยสุทธิไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 19,707 ล้านบาท ลดลง 0.6% จากช่วงเดียวกันจากรายได้ดอกเบี้ยที่ลดลง
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 2.17% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ระดับ 2.52%
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 11,166 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) ซึ่งเป็นไปตามสภาวะตลาด และมีรายได้ ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มข้ึนจากการรวมรายได้ของธนาคารเพอร์มาตา
ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานลดลง ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 51.1%
ธนาคารตั้งสำรองตามหลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 6,326 ล้านบาท และมีอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ที่ 187.3%
ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2.3 ล้านล้านบาท ใกล้เคียงกับสิ้นปี 2563 สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 3.7% ลดลงเล็กน้อยจากสิ้นปีก่อน โดยธนาคารยังคงให้ความสำคัญในการดูแลกระบวนการอำนวยสินเชื่อและบริหารความเสี่ยง
ด้านเงินกองทุน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ 18.4% 15.9% และ 15.1% ตามลำดับ
ท่ามกลางความเสี่ยงโควิด-19 และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ธนาคารยังเน้นการดูแลลูกค้าทุกกลุ่มผ่านมาตรการความช่วยเหลือต่างๆ และจะบริหารความเสี่ยงให้เหมาะสม โดยรักษาเสถียรภาพฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ