จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ 8.4 ใกล้เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา ห่างจากอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประมาณ 320 กิโลเมตร แรงสั่นสะเทือนสามารถรับรู้ได้ในประเทศไทย รวมถึงกรุงเทพมหานคร หลังจากนั้นเกิดอาฟเตอร์ช็อกขนาด 7.1 เมื่อเวลา 13.32 น.
ณ เวลาประมาณ 15.20 น. พุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) เจ้าของสายการบิน Bangkok Airways เปิดเผยว่า เที่ยวบินต่างๆ ที่สนามบินสุวรรณภูมิเริ่มกลับมาทำการบินได้แล้ว แต่ยังจำกัดจำนวนชั่วโมงละประมาณ 20 ไฟลต์ จากปกติที่กว่า 100 ไฟลต์ต่อชั่วโมง
“หลังจากเช็กโครงสร้างต่างๆ สนามบินเริ่มเปิดให้มีการบินแล้ว แต่เบื้องต้นจะเน้นให้เครื่องลงก่อน เพราะมีเครื่องบินที่บินวนรออยู่จำนวนมาก”
อย่างไรก็ดี เหตุการณ์นี้น่าจะส่งผลกระทบระยะสั้น หากมีการตรวจและยืนยันความปลอดภัยแล้ว ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยหลังจากนี้
พร้อมกันนี้ พุฒิพงศ์เปิดเผยถึงเป้าหมายจำนวนผู้โดยสารของบริษัท คาดว่าจะแตะระดับ 4.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อนที่มีผู้โดยสาร 4.3 ล้านคน หนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวมที่เพิ่มขึ้น และอีกส่วนหนึ่งยังได้รับอานิสงส์จากกระแสของซีรีส์เรื่อง White Lotus ซึ่งมีฉากที่ถ่ายทำในประเทศไทยจำนวนมาก
ขณะที่จำนวนเที่ยวบินคาดว่าจะอยู่ที่ 48,077 เที่ยวบิน อัตราบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) เฉลี่ยเท่ากับ 82% ราคาบัตรโดยสารเฉลี่ยประมาณ 4,200 บาทต่อที่นั่ง ทั้งนี้ แนวโน้มการเดินทางในปีนี้ เส้นทางสมุย ยังคงเป็นเส้นทางที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยมีการสำรองที่นั่งล่วงหน้าในช่วงเดือนมีนาคม-กันยายน 2568 เพิ่มขึ้น 14% โดยบริษัทวางแผนกลับมาให้บริการเส้นทาง สมุย-กัวลาลัมเปอร์ วันละ 1 เที่ยวบิน ในไตรมาส 4 เพื่อรองรับการเดินทางของผู้โดยสารจากยุโรปที่เดินทางผ่านทางสนามบินกัวลาลัมเปอร์
ส่วนประเด็นการร่วมทุนกับ บมจ.การบินไทย (THAI) เพื่อพัฒนาโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่สนามบินอู่ตะเภา คาดว่าสัดส่วนการถือหุ้นจะเป็นการบินไทย 60% และการบินกรุงเทพ 40%
“การถือหุ้นน่าจะ 60%, 40% ซึ่งเราไม่ได้ติดอะไรกับการที่การบินไทยจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และที่ดินดังกล่าวก็เป็นของการบินไทยอยู่ก่อนแล้ว”
ทั้งนี้ คาดว่าการเจรจาเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ จะเริ่มต้นได้ในช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ และน่าจะสรุปได้ภายในไตรมาส 3 นี้
สำหรับศูนย์ซ่อมบำรุงจะช่วยเสริมรายได้และกำไรให้กับบริษัท แต่อัตรากำไรของธุรกิจนี้อาจจะไม่ได้สูงมากเพราะมีต้นทุนสูง แต่สิ่งสำคัญคือการเสริมอุตสาหกรรมการบินของประเทศให้เติบโตและครบครันมากขึ้น
“ที่ผ่านมาไทยไม่มีศูนย์ซ่อม ทำให้เราจะเป็นศูนย์กลางทางการบินได้ยาก เพราะต้องอาศัยประเทศอื่น จริงๆ แล้วเรามีข้อได้เปรียบเรื่องโลเคชัน แต่ยังไม่สามารถใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากนัก โดยเฉพาะเรื่องกฎระเบียบที่ค่อนข้างซับซ้อน”
พุฒิพงศ์กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้เคยต้องการจะทำศูนย์อะไหล่ที่ไทย แต่ติดปัญหาเรื่องขั้นตอนที่ค่อนข้างซับซ้อน อย่างสิงคโปร์หากมีคำสั่งซื้อเข้ามา สามารถที่จะส่งออกไปได้ภายใน 2 ชั่วโมง แต่เราไม่สามารถสู้ได้
สำหรับผลประกอบการของ BA ในปี 2567 ที่ผ่านมา มีรายได้รวม 26,456 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.1% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 3,787 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.7% จากปีก่อน