×

สภา กทม. เห็นชอบให้ใช้งบกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท จ่ายหนี้ BTS ก่อนสิ้นปี 67

โดย THE STANDARD TEAM
22.11.2024
  • LOADING...

วันนี้ (22 พฤศจิกายน) สุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมวิสามัญ สมัยที่สาม (ครั้งที่ 1) ประจำปีพุทธศักราช 2567 โดยมีสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร, ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, คณะผู้บริหารและหัวหน้าส่วนราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุม 

 

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เสนอร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 พ.ศ. …. เนื่องจากกรุงเทพมหานครมีความประสงค์ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดตามความจำเป็นที่หน่วยงานเสนอ 

 

เป็นค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยจ่ายขาดจากเงินสะสมของกรุงเทพมหานคร เนื่องจากศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้กรุงเทพมหานครต้องชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถฯ ภายใน 180 วัน และขณะนี้ระยะเวลาได้ผ่านล่วงมาแล้ว มีผลให้กรุงเทพมหานครต้องชำระดอกเบี้ยอันเกิดจากความล่าช้าในการชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาล เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับกรุงเทพมหานคร จึงเห็นควรเสนอร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 พ.ศ. ….

 

ซึ่งบรรยากาศในการประชุมพิจารณาญัตติดังกล่าว สมาชิกสภา กทม. ได้ผลัดเปลี่ยนกันอภิปรายและโต้แย้ง ทั้งในเรื่องการชี้มูลความผิดของ ปปช. และคำพิพากษาของศาลปกครองที่ถือว่าสิ้นสุดแล้ว รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยรายวันกว่า 2.7 ล้านบาท ซึ่งหลายฝ่ายสนับสนุนให้ กทม. เร่งชำระหนี้ เพื่อไม่ให้อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น หากดำเนินการล่าช้าเกรงว่าจะมีความผิดตามมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

 

วิรัตน์ มีนชัยนันท์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตมีนบุรี ให้ข้อสังเกตว่า ขอชื่นชมฝ่ายบริหารของกรุงเทพมหานคร ที่ได้ยื่นเรื่องต่างๆ เข้ามาให้สภากรุงเทพมหานครพิจารณาตามขั้นตอนอย่างรอบคอบ และในอนาคตหากมีการพิจารณาโดยพูดถึงบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องกับการชำระหนี้เดินรถ BTS ก็ขอให้สภากรุงเทพมหานครพิจารณาอย่างรอบคอบในเรื่องของการเปิดเผยข้อมูลที่ส่งผลกระทบกับบุคคลภายนอกดังกล่าวด้วย

 

ชัชชาติกล่าวว่า ในส่วนของสำนวนที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) ส่งมาให้ กทม. นั้น ห้ามมิให้เปิดเผยสำนวนการไต่สวน โดยเฉพาะชื่อผู้กล่าวหา ผู้แจ้งเบาะแส และผู้ซึ่งเป็นพยาน หรือการกระทำใดๆ อันให้ทราบถึงรายละเอียด ตามมาตรา 36 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 

 

ดังนั้น กทม. จึงยังไม่สามารถส่งสำนวนให้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาได้ เนื่องจาก ป.ป.ช. ยังไม่อนุญาต แต่ข้อกังวลเรื่องนี้ก็ตกไป เนื่องจากศาลปกครองสูงสุดพิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว จนนำมาซึ่งการมีคำสั่งให้ กทม. จ่ายเงินชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถฯ 14,549,503,800 บาท ดังนั้นในส่วนของการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งทางวินัยและอาญาจึงไม่สามารถเปิดเผยได้ตามคำสั่งของ ป.ป.ช.

 

สุทธิชัย วีรกุลสุนทร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตจอมทอง กล่าวว่า คณะกรรมการวิสามัญฯ พิจารณาเรื่องการชำระหนี้ BTS หลายครั้ง โดยให้คำแนะนำผู้บริหารกรุงเทพมหานครในการยื่นเรื่องสอบถามข้อกฎหมายจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นศาลปกครองสูงสุด อัยการสูงสุด เพื่อให้เกิดความรอบคอบในการชำระหนี้ให้ BTS ซึ่งอยากจะให้สภากรุงเทพมหานครแห่งนี้เร่งพิจารณาเรื่องดังกล่าวให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เนื่องจากส่งผลกับดอกเบี้ยรายวันที่ส่งผลกระทบกับงบประมาณของกรุงเทพมหานคร

 


 

สำหรับยอดหนี้ที่ กทม. จะต้องแบ่งชำระให้ BTS มี 4 ส่วน ดังนี้

 

  1. ยอดหนี้ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 ที่ให้ กทม. และกรุงเทพธนาคม ร่วมกันชำระให้กับ BTS เป็นเงินจำนวนกว่า 11,755 ล้านบาท

 

  1. ยอดหนี้ที่ BTS ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ให้ กทม. และกรุงเทพธนาคม ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงให้กับ BTS ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 เป็นเงินจำนวนกว่า 11,811 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง

 

  1. ยอดหนี้ค่าจ้างงานเดินรถและซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 ถึงเดือนมิถุนายน 2567 ที่ยังค้างชำระเป็นเงินจำนวนกว่า 13,513 ล้านบาท

 

  1. ค่าจ้างงานเดินรถและซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ในอนาคต ตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงสิ้นสุดสัมปทานปี 2585 ที่จะหมดอายุสัญญาสัมปทาน

 

ชัชชาติกล่าวต่อว่า ขณะนี้เรามองไปถึงอนาคตที่ยังมีหนี้อีก 1 ก้อน ซึ่งอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลปกครอง รวมถึงสัมปทานที่ให้เอกชนดำเนินการเดินรถฯ ที่จะหมดลงในปี 2572 ทำให้การเดินรถ BTS ช่วงหมอชิต-อ่อนนุช และช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน ระยะทางรวม 23.5 กิโลเมตร 24 สถานี จะกลับมาเป็นของ กทม. ทั้งหมด ทั้งส่วนของรายได้และตัวโครงสร้าง กทม. จึงต้องเตรียมวางแผนเรื่องจ้างที่ปรึกษาฯ ตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนต่อไป โดยต้องผ่านกระบวนการคิดร่วมกับสภากรุงเทพมหานครให้รอบคอบตามประเด็นข้อบัญญัติต่างๆ ของกฎหมาย เพื่อไม่ให้เกิดเป็นคดีความต่อไปในอนาคต

 

ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครและบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ยื่นคำขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งชี้ขาดคดีใหม่เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2567 คดีหมายเลขดำที่ อ.2226/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อ.725/2567 มีผลพิจารณาคดี ดังนี้

 

  1. ศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ เนื่องจากไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ที่จะขอให้ศาลปกครองพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งชี้ขาดคดีปกครองใหม่ ตามมาตรา 75 วรรคหนึ่ง (1) และ (3) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 หนังสือแจ้งคำสั่งศาล คดีหมายเลขดำที่ พม. 76/2567 คดีหมายเลขแดงที่ พน. 92/2567 ลงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 และหนังสือแจ้งคำสั่งศาล คดีหมายเลขดำที่ พม. 81/2567 คดีหมายเลขแดงที่ ผม. 93/2567 ลงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567

 

  1. สำนักงานคดีปกครอง สำนักงานอัยการสูงสุด พิจารณาแล้วเห็นว่าคำสั่งศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขดำที่ พบ. 81/2567 คดีหมายเลขแดงที่ พม. 93/2567 ดังกล่าว ชอบด้วยเหตุผลตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ว จึงควรไม่อุทธรณ์ หนังสือด่วนที่สุด ที่ อส 0042.2/2064 ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 เรื่อง แจ้งคำสั่งของศาลปกครอง

 

  1. สำนักงานกฎหมายและคดี เห็นควรไม่อุทธรณ์ตามความเห็นของสำนักการจราจรและขนส่ง ซึ่งไม่มีความเห็นใดที่จะมาขัดหรือแย้งคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดได้ ประกอบกับต้องเร่งรัดชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เพื่อมิให้เกิดภาระดอกเบี้ย ตามหนังสือด่วนที่สุด ที่ กท 0405/6695 ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 เรื่อง รายงานผลคดี ขออนุมัติไม่อุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองกลางฯ

 

โดยวันนี้ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครมีมติเห็นชอบรับหลักการแห่งร่างข้อบัญญัตินี้ และได้เสนอให้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 พ.ศ. …. 24 ท่าน โดยกำหนดระยะเวลาการแปรญัตติ 10 วันทำการ และกำหนดเวลาพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X