วานนี้ (22 กันยายน) พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ชี้แจงประเด็นเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชาบริเวณหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ในพื้นที่ อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว โดยยืนยันว่าบ้านหนองหญ้าแก้วซึ่งเป็นที่ตั้งของหลักเขตแดนที่ 42 นั้นตั้งอยู่ในเขตอำนาจอธิปไตยของประเทศไทย และไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อนตามที่หลายฝ่ายอาจเข้าใจ
พล.ต.วิทัยอธิบายว่า หลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) ส่วนหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น โดยแนวเขตแดนในบริเวณนี้เป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 ไปยัง 42 และต่อเนื่องไปยัง 43 ก่อนจะเลียบไปตามคลองระลมระสือจนถึงหลักเขตแดนที่ 44
ในส่วนของการสำรวจร่วม ไทย-กัมพูชา ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2549 โดยชุดสำรวจร่วมได้ตรวจสอบหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ซึ่งรวมถึงหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ด้วย การตรวจสอบหลักเขตแดนที่ 42 พบว่าอยู่ในสภาพดี แต่ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นต่างกันในเรื่องที่ตั้งประมาณ 80 เมตร
สำหรับหลักเขตแดนที่ 43 พบว่าตัวหลักล้มและถูกฝังอยู่ในดิน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงตำแหน่งที่ตั้งที่ถูกต้องได้ และได้มีการสร้างหมุดชั่วคราว (TM) ขึ้นมาแทน
พล.ต.วิทัย กล่าวต่อไปว่า ผลการสำรวจทั้งหมด ซึ่งรวมถึงหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ได้รับการรับรองร่วมกันในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (JBC) ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2568 แล้ว
นอกจากนี้ กองทัพไทยยังได้อ้างอิงถึงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ซึ่งได้แก่ บันทึกวาจาและแผนผังแสดงที่ตั้งหลักเขตแดน ที่จัดทำขึ้นตั้งแต่สมัยสยามกับอินโดจีนของฝรั่งเศส (ปี ค.ศ. 1908-1909) ซึ่งต่อมามีการเปลี่ยนเป็นหลักคอนกรีตในปี ค.ศ. 1919-1920
ในแผนผังดังกล่าวได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าแนวเขตแดนระหว่างหลักที่ 42 และ 43 เป็นเส้นตรงผ่านกึ่งกลางของหลักทั้งสอง โดยการดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามกระบวนการและหลักฐานที่ได้รับการรับรองร่วมกันภายใต้บันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 และการหารือในระดับ JBC ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง