เงินบาท พลิกกลับมาอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว แตะระดับ 35.94 บาทต่อดอลลาร์

ค่า เงินบาท เปิดตลาดเช้าวันนี้ (22 สิงหาคม) ที่ระดับ 35.80 บาทต่อดอลลาร์ ‘อ่อนค่าลง’ จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 35.74 บาทต่อดอลลาร์ และล่าสุด ณ เวลา 08.25 น. ของวันนี้ เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 35.94 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลจากค่าเงินดอลลาร์ที่กลับมาแข็งค่าอย่างรวดเร็ว

พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ Fed และรายงานการประชุม FOMC ล่าสุด ได้กดดันให้ตลาดกลับมากังวลแนวโน้ม Fed เดินหน้าเร่งขึ้นดอกเบี้ย

ในสัปดาห์นี้มองว่าตลาดจะรอประเมินทิศทางนโยบายการเงินของ Fed จากถ้อยแถลงของประธาน Fed ในงานประชุม Jackson Hole พร้อมกับจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของบรรดาเศรษฐกิจหลัก โดยเฉพาะรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการในเดือนสิงหาคม

สำหรับไฮไลต์สำคัญที่ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามอย่างใกล้ชิด คือ ถ้อยแถลงของประธาน Fed ในงานประชุมวิชาการประจำปีของ Fed ที่เมือง Jackson Hole รัฐไวโอมิง เพื่อประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของ Fed รวมถึงมุมมองของประธาน Fed ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อสหรัฐฯ

โดยหากประธาน Fed ไม่ได้แสดงท่าทีกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจมาก แต่ยังคงกังวลปัญหาเงินเฟ้อสูง และยังสนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ก็อาจทำให้ตลาดกลับมามองว่า Fed ยังมีแนวโน้มเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยและอาจคงดอกเบี้ยในระดับสูงได้นาน ซึ่งอาจจะเป็นไปตาม Dot Plot เดือนมิถุนายน แต่ก็จะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดรับรู้ หรือ Price-in ในปัจจุบัน ที่ตลาดมองว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยไม่เกิน 3.75% ก่อนที่จะทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในครึ่งหลังของปีหน้า

ส่วนในด้านข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ตลาดจะรอลุ้นรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ โดย S&P Global (Manufacturing & Services PMIs) ในเดือนสิงหาคม (ดัชนีเกิน 50 จุด หมายถึง ภาวะขยายตัว) ซึ่งการชะลอตัวลงเศรษฐกิจโลกและปัญหาต้นทุนการผลิตที่ยังอยู่ในระดับสูง อาจกดดันให้ดัชนี PMI ภาคการผลิตลดลงสู่ระดับ 51.9 จุด

ขณะที่ดัชนี PMI ภาคการบริการอาจปรับตัวดีขึ้นสู่ระดับ 50 จุด สอดคล้องกับการใช้จ่ายของผู้คนที่ฟื้นตัวดีขึ้น หลังราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา ส่วนการจ้างงานยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป PCE ที่ Fed ติดตามก็อาจชะลอลงสู่ระดับ 6.4% ในเดือนกรกฎาคม ตามการปรับตัวลดลงของราคาสินค้าพลังงาน อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core PCE อาจยังคงอยู่ในระดับ 4.7% ทำให้ Fed อาจประเมินว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับสูงและจำเป็นที่ Fed ต้องใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาทมีความเสี่ยงที่จะผันผวนอ่อนค่าทดสอบแนวต้านใกล้ 35.90 บาทต่อดอลลาร์ ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ และโฟลวธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ส่วนนักลงทุนต่างชาติอาจทยอยขายทำกำไรหุ้นไทยหรืออาจรอจังหวะให้หุ้นไทยย่อตัวลงบ้างก่อนจะซื้อเพิ่ม ทำให้เงินบาทอาจขาดแรงหนุนฝั่งแข็งค่า

ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทอาจถูกชะลอลงด้วยแรงขายเงินดอลลาร์จากผู้ส่งออก รวมถึงผู้เล่นบางส่วนที่ยังมองแนวโน้มเงินบาทแข็งค่า

พูนกล่าวว่า ในส่วนเงินดอลลาร์นั้นอาจแข็งค่าขึ้นต่อได้ หากตลาดเชื่อว่า Fed อาจเร่งขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงต่อ นอกจากนี้ ความกังวลเศรษฐกิจยุโรปชะลอตัวหนักก็มีส่วนช่วยหนุนเงินดอลลาร์ผ่านแรงกดดันต่อเงินยูโร (EUR)

“เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยมองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ที่ระดับ 35.30-36.00 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.70-35.90 บาทต่อดอลลาร์”

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH