เช้าวันนี้ (26 พฤษภาคม) ค่าเงินบาท ‘แข็งค่า’ ไปแตะระดับราว 32.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ มากสุดในรอบกว่า 7 เดือน หรือตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมปี 2567 ท่ามกลางการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ และการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาทองคำ
โดยกลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Financial Markets) ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.60 บาทต่อดอลลาร์ พร้อม มองว่า เงินบาทแข็งค่าขึ้นเร็วจากดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดตั้งแต่ปลายปี 2023 จากความกังวลของตลาดต่อการขาดดุลการคลังสหรัฐฯ และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้า 50% ต่อสินค้าจากสหภาพยุโรป และขึ้นภาษี 25% ต่อสมาร์ทโฟน
อย่างไรก็ดี ล่าสุดทรัมป์ประกาศเลื่อนขึ้นภาษียุโรปที่ออกไปจนถึงวันที่ 9 กรกฎาคม หลังได้โทรคุยกับประธานคณะกรรมาธิการยุโรป
ด้าน พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.57 บาทต่อดอลลาร์ จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ 32.62 บาทต่อดอลลาร์
“โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 32.45-32.64 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ทดสอบโซนแนวรับสำคัญ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ตามการย่อตัวลงของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่สามารถปรับตัวขึ้นเหนือโซนแนวต้านระยะสั้น 3,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ อย่างไรก็ดี ในช่วงเช้าของตลาดเอเชีย แม้ว่าเงินดอลลาร์ยังคงทรงตัว แต่ราคาทองคำกลับเผชิญแรงขายทำกำไรเพิ่มเติม กดดันให้ ราคาทองคำย่อตัวลงเข้าใกล้ระดับช่วงราว 17.00 น. ของวันศุกร์ก่อนหน้า ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งการปรับตัวลงของราคาทองคำดังกล่าว กอปรกับแรงซื้อเงินดอลลาร์ของผู้เล่นในตลาดบางส่วนแถวโซนแนวรับสำคัญของเงินบาท ก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลงบ้าง”
โดย Krungthai GLOBAL MARKETS มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 32.15-32.95 บาทต่อดอลลาร์
“สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เรายอมรับว่า โมเมนตัมการแข็งค่ามีกำลังมากขึ้น สวนทางกับที่เราได้ประเมินไว้ก่อนหน้า ทั้งนี้ ช่วงต้นสัปดาห์ เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันจากโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับบรรดานักลงทุนต่างชาติ ทว่าเงินบาทก็เสี่ยงเผชิญ Two-Way Volatility ขึ้นกับทิศทางของราคาทองคำและบรรดาสกุลเงินเอเชีย ที่เคลื่อนไหวสอดคล้องกับเงินบาทในระดับสูง ส่วนแรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติอาจเริ่มกลับมาได้ หากเงินบาทไม่สามารถแข็งค่าขึ้นทะลุ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน”
“ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจยังไม่สามารถกลับมาแข็งค่าขึ้นชัดเจน จนกว่าตลาดจะกลับมาเชื่อมั่นในการถือครองสินทรัพย์สหรัฐฯ มากขึ้น ซึ่งต้องรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ Fed” พูนกล่าว
Krungthai GLOBAL MARKETS คงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward