‘คลัง’ เตรียมหารือ ‘แบงก์ชาติ’ กรณีบาทอ่อนค่า ด้านกูรูตลาดเงินหวั่นบาทร่วงแรง

กระทรวงการคลังเตรียมหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย กรณีเงินบาทอ่อนค่า ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าขึ้นอีก หากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75%

วันนี้ (20 กันยายน) อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ให้กระทรวงการคลังเตรียมหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับสถานการณ์เงินบาทอ่อนค่า และแนวทางการกำกับดูแล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังระบุอีกว่า การอ่อนค่าของเงินบาทในช่วงไม่กี่วันมานี้ไม่ได้เป็นผลมาจากเงินบาทฝั่งเดียว แต่เป็นเพราะเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเร็วมาก ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องในการประชุมสัปดาห์นี้

“ตอน Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนหน้านี้ทำให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ทำให้เงินบาทเราอ่อนค่าตาม แต่บาทก็ไม่ได้อ่อนค่ามากที่สุดในภูมิภาค” อาคมกล่าวอีกว่า “ตอนนี้ประเทศไทยยังน่าดึงดูดสำหรับนักลงทุน ทำให้เงินทุนยังคงไหลเข้าตลาดทุนอยู่ แม้บางช่วงอาจจะแกว่งบ้าง”

ตามข้อมูลจาก Bloomberg แสดงให้เห็นว่า เมื่อเวลา 16.40 น. เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ที่ 36.9720 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่า 0.03% หรือแข็งค่าขึ้นราว 11.23% แล้ว ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา (YTD)

ขณะที่ดัชนี Bloomberg Dollar Index Spot แข็งค่า 0.13% อยู่ที่ 109.88 โดยแข็งค่าราว 14.47% ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา สูงสุดรอบ 18 ปี ก่อนการประชุม Fed ในสัปดาห์นี้ ซึ่งตลาดมองว่า Fed มีแนวโน้มจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75%

ด้านนักวิเคราะห์ของ ING คาดการณ์ว่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าขึ้นอย่างเงียบๆ ก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% น่าจะทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐใกล้แตะระดับสูงสุดของปี

สำหรับความคืบหน้ากรณีการหลอกลวงประชาชนในคดี Forex-3D รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังระบุว่า วันนี้มีการประชุมกันที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งคงต้องประสานกันหลายส่วน พร้อมยืนยันว่าคดีดังกล่าวเข้าข่ายหลอกหลวง ประชาชนสามารถเอาผิดได้

“หากเหตุไม่เกิดก็จะไม่มีใครรู้ แต่หากเหตุเกิดแล้วต้องมาดูว่าหน่วยงานใดจะต้องใช้อำนาจเข้าไปดูแล โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นผู้ดูแลเรื่องหลักทรัพย์ ส่วนการแลกเปลี่ยนเงินตราก็เป็นเรื่องของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งผู้ที่จะประกอบธุรกิจนี้ (Forex) ก็ต้องได้รับใบอนุญาตจากรัฐมนตรีคลัง ซึ่ง ธปท. จะเป็นคนเสนอ” อาคมกล่าว

บาทเสี่ยง ‘ร่วงแรง’ หาก Fed เซอร์ไพรส์ ขึ้นดอกเบี้ย 1%

รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการสายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า บรรยากาศในตลาดการเงินในช่วงนี้ยังอยู่ในภาวะระมัดระวังตัว เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอคอยผลการประชุม FOMC ที่จะทราบผลการประชุมในเวลาประมาณ 1.00 น. ตามเวลาประเทศไทยในวันพฤหัสบดีนี้ โดยผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่มองว่า Fed มีโอกาสจะเร่งขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน

“การประชุม FOMC รอบนี้จะมีความสำคัญ เพราะเป็นช่วงสิ้นไตรมาส ซึ่งจะมีการเปิดเผย Dot Plot และประมาณการเงินเฟ้อยาวไปถึงปี 2025 ออกมาด้วย ทำให้ทุกคนต่างรอดูว่าจุดพีคของดอกเบี้ยในประมาณการของ Fed จะอยู่ตรงไหน ซึ่งตลาดส่วนใหญ่มองว่าจะอยู่ที่ 4.4% เพิ่มขึ้นจากในรอบเดือนมิถุนายนที่ 3.75%” รุ่งกล่าว

รุ่งกล่าวอีกว่า ในกรณีที่ทุกอย่างเป็นไปตามคาดการณ์ของตลาด บรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงจะปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐน่าจะพักฐานชั่วคราวจากความไม่แน่นอนที่ลดลง ซึ่งจะส่งผลให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นได้แถวๆ 36.60 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงสั้นๆ แต่ในระยะยาวยังมองว่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังอยู่ในทิศทางแข็งค่า หากพิจารณาจากเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่ยังอยู่ในระดับสูง ทั้งเงินเฟ้อทั่วไปและเงินเฟ้อพื้นฐาน

อย่างไรก็ดี ในกรณีที่ Fed เซอร์ไพรส์ตลาดด้วยการปรับขึ้นดอกเบี้ยถึง 1% ในการประชุมที่กำลังจะมาถึงนี้ ดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าขึ้นต่อ สวนทางกับเงินสกุลอื่นๆ รวมถึงเงินบาท โดยเงินบาทมีโอกาสจะอ่อนค่าไปถึงระดับ 37.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่ตลาดยังมองว่าโอกาสที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยแรงขนาดนี้ยังมีเพียง 20%

“กรณีที่รักษาการนายกฯ สั่งให้กระทรวงการคลังติดตามสถานการณ์เงินบาทใกล้ชิด มองว่าไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร เนื่องจากเงินบาทจะแกว่งตัวด้านข้างไปจนถึงผลการประชุม FOMC ออก” รุ่งกล่าว

อ้างอิง:

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP