ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (20 ตุลาคม) ที่ระดับ 36.41 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 36.47 บาทต่อดอลลาร์ หลังถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เจอโรม พาวเวล (ช่วง 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า Fed พร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย ทำให้เงินดอลลาร์เผชิญแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง ขณะเดียวกัน ราคาทองคำก็สามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องแตะจุดสูงสุดในรอบ 3 เดือน ซึ่งโฟลวธุรกรรมขายทำกำไรทองคำก็มีส่วนช่วยให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาได้บ้าง
พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แม้ว่าประธาน Fed จะไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ ทว่ายังคงเน้นย้ำถึงความต้องการที่จะควบคุมให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย 2% และอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจมีความจำเป็นที่ต้องอยู่ในระดับสูงได้นาน ซึ่งมุมมองดังกล่าวหนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 5%
ด้านตลาดเงิน หลังถ้อยแถลงของประธาน Fed ไม่ได้สะท้อนถึงแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ย่อตัวลงเล็กน้อยสู่ระดับ 106.3 จุด (กรอบ 106-106.6 จุด) อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนจากความต้องการถือเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงตลาดกังวลภาวะสงคราม
ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าบอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ จะปรับตัวขึ้นได้ ทว่าราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธันวาคม) ยังคงได้แรงหนุนจากความต้องการถือทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงตลาดกังวลภาวะสงคราม อีกทั้งถ้อยแถลงของประธาน Fed ที่ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนต่อการขึ้นดอกเบี้ยต่อของ Fed ก็มีส่วนช่วยหนุนให้ราคาทองคำทยอยปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 1,988 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำดังกล่าว ได้หนุนให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรทองคำออกมาบ้าง และโฟลวธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของอังกฤษ อย่าง ยอดค้าปลีก (Retail Sales) เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจอังกฤษ โดยหากยอดค้าปลีกชะลอลงแย่กว่าคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดมั่นใจว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) อาจไม่สามารถเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงช้าก็ตาม
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะยังคงติดตามสถานการณ์สงครามระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮามาส ว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้น หรือสงครามจะขยายวงกว้างจนกระทบทั้งภูมิภาคตะวันออกกลางหรือไม่
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาทมองว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว Sideway ในกรอบไม่ต่างจากช่วงก่อนหน้ามากนัก เนื่องจากภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน อาจทำให้นักลงทุนต่างชาติเดินหน้าขายหุ้นไทยเพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ ก็อาจส่งผลกระทบต่อทิศทางบอนด์ยีลด์ไทย และทำให้ยังมีโอกาสเห็นแรงขายบอนด์ไทยได้บ้าง อย่างไรก็ดี หากราคาทองคำยังคงได้แรงหนุนจากภาวะสงครามที่ยังคงร้อนแรงอยู่ ก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท ตามโฟลวธุรกรรมขายทำกำไรทองคำได้
โดยประเมินว่า รอบเงินบาทวันนี้จะอยู่ที่ระดับ 36.30-36.60 บาทต่อดอลลาร์ และอาจมีโซนแนวต้านแถว 36.50-36.60 บาทต่อดอลลาร์ ขณะเดียวกันโซนแนวรับอาจยังคงเป็นช่วง 36.30 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระทบตลาด โดยต้องติดตามสถานการณ์สงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาสอย่างใกล้ชิด รวมถึงรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากฝั่งสหรัฐฯ ทั้งนี้ อีกปัจจัยที่ควรติดตาม คือ ทิศทางเงินหยวนของจีน ซึ่งผันผวนไปตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจของจีน และปัญหาหนี้ภาคอสังหา