ณ จุดสูงสุดของราคาหุ้น Alibaba เมื่อเดือนตุลาคม 2020 บริษัทเคยมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 8.5 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 27.2 ล้านล้านบาท นับเป็น 1 ใน 10 ของบริษัทมหาชนที่มีมูลค่าสูงสุดของโลก แต่เมื่อตัดภาพมาที่ปัจจุบัน มูลค่าของ Alibaba ลดลงมาเหลือเพียง 2.23 แสนล้านดอลลาร์ ตามราคาหุ้นที่ดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง จากจุดสูงสุดที่ 319 ดอลลาร์ มาเหลือเพียง 78 ดอลลาร์ ในขณะนี้ (15 มีนาคม 2565)
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 19 กันยายน ปี 2014 หุ้นของ Alibaba เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นวันแรก โดยเปิดการซื้อขายที่ 92.70 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากราคา IPO ที่ราคา 68 ดอลลาร์ ช่วง 2 ปีแรกของการเข้าเทรดในตลาด ราคาหุ้น Alibaba ยังไม่ได้โดดเด่นนัก และมีบางช่วงเวลาที่ราคาหุ้นลดลงไปแตะ 60 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าระดับ IPO เสียด้วย
แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2017 ราคาหุ้น Alibaba ก็เข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นเต็มตัว ราคาหุ้นค่อยๆ ไต่ขึ้นจนแตะระดับ 200 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกในปี 2018 และพุ่งทะลุ 300 ดอลลาร์ในปี 2020 หลังจากนั้นขาลงสำหรับหุ้น Alibaba มาเยือนอย่างรวดเร็ว ราคาหุ้นลดลงไป 75% ในช่วง 17 เดือน
อย่างไรก็ดี ผลประกอบการของ Alibaba ในช่วงที่ผ่านมา ในแง่ของรายได้เติบโตขึ้นต่อเนื่องจาก 8,463 ล้านดอลลาร์ เมื่อปี 2014 มาสู่ระดับ 109,480 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจาก 4,024 ล้านดอลลาร์ มาเป็น 13,688 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกัน
ในขณะที่ Alibaba DR หรือ BABA80 ซึ่งเป็นตราสาร Depositary Receipt (DR) ที่อ้างอิงกับหุ้นของ Alibaba ล่าสุดราคาร่วงแตะ 3.34 บาท ลดลงไป 34% จากราคาเสนอขายครั้งแรก (IPO) ที่ 5.116379 บาท
ทั้งนี้ หากคำนวณราคาของ BABA80 เทียบกับราคาหุ้นอ้างอิงคือหุ้น Alibaba ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นฮ่องกง หรือรหัส 9988.HK ดูเหมือนว่าราคาของ BABA80 จะยังซื้อขายในราคาพรีเมียมจากหุ้นอ้างอิงอยู่ราว 14% โดยอิงจากราคา Alibaba ที่ 71.25 ดอลลาร์ และอัตราแลกเปลี่ยนที่ 4.2 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์ฮ่องกง
รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศและฟิวเจอร์ส บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า สำหรับหุ้น Alibaba ในแง่ Valuation ที่ค่อนข้างถูกแล้ว แต่ก็ยังเห็นถูกลงไปอีกเรื่อยๆ ส่วนปัจจัยพื้นฐานของตลาด กำไรไตรมาสล่าสุดของ Alibaba แย่กว่าที่ตลาดคาดไว้ ซึ่งเป็นผลกระทบจากการจัดระเบียบของภาครัฐ ทำให้ผู้ขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มของ Alibaba สามารถนำสินค้าไปขายบนแพลตฟอร์มอื่นได้
“จากเดิมที่ดูเหมือนบริษัทจะผูกขาดก็กลับเป็นการแข่งขันที่เสรีมากขึ้น ส่วนรายได้ของบริษัทที่แม้จะเติบโตลดลง แต่ก็ยังเติบโตได้ 10% เพียงแต่เป็นการเติบโตที่น้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้”
อย่างธุรกิจคลาวด์ที่เติบโต 20% สำหรับบริษัทขนาดใหญ่เช่นนี้ถือว่าไม่แย่ แต่เมื่อการเติบโตลดลงจากเดิมที่เคยทำได้ 40% ก็ทำให้ตลาดผิดหวัง
รัฐศรัณย์กล่าวต่อว่า ราคาหุ้น Alibaba ที่ลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ Forward PE ของหุ้นลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 10 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 24 เท่า แต่ด้วย Sentiment ในเวลานี้ทำให้ตอบได้ยากว่าราคาจะลดลงไปถึงไหน แต่หากมีข่าวดีออกมาเชื่อว่าราคาหุ้นจะดีดกลับได้แรง แต่ตอบได้ยากว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด
“ในระยะสั้นราคาหุ้นคงจะถูกกดดันต่อไป สำหรับคนที่ไม่มีหุ้นอยู่ก่อนหน้านี้อาจจะแบ่งเงินส่วนน้อยเข้าซื้อได้ แต่การจะเข้าเก็งกำไรระยะสั้นยังไม่แนะนำ เพราะมีความเสี่ยงที่หุ้นอาจจะปรับลงแรงได้อีก”
สำหรับแรงกดดันต่อหุ้น Alibaba ในขณะนี้ โดยหลักเกิดจากนโยบายภาครัฐที่อาจจะกระทบต่อการทำธุรกิจมากกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากภาครัฐบังคับให้ขยายการลงทุนให้ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งอาจจะรวมถึงพื้นที่ที่อาจจะไม่ได้กำไร เพื่อตอบสนองต่อนโยบาย Common Prosperity ที่ต้องการกระจายความมั่งคั่งทั่วถึงทั้งประเทศ นอกจากนี้เรื่องของโควิดที่กลับมาระบาดก็เป็นแรงกดดันต่อการบริโภคในจีน
ส่วนปัจจัยบวกที่พอจะมองเห็นคือ การประชุมสมัชชาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน หรือ NPC เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีข้อสังเกตคือ ทางการจีนไม่ได้พูดถึงนโยบาย Common Prosperity ดังเช่นการประชุมหลายครั้งที่ผ่านมา ทำให้อาจจะตีความได้ว่ารัฐบาลอาจชะลอการจัดระเบียบแล้วหรือไม่
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP