การที่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เลือกจังหวัดเพชรบูรณ์จัดกิจกรรมพลังประชารัฐสัญจรครั้งแรก (7 มกราคม) นั้น ‘ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ’
แม้ ‘ฉากหน้า’ ตามกำหนดการจะระบุไว้ว่า การไปจังหวัดเพชรบูรณ์ครั้งนี้เพื่อติดตามและร่วมรับฟังความเห็นประชาชน หลังเปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายที่ พล.อ. ประวิตร ผลักดันมาตลอดตั้งแต่ตนเองเป็นรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แต่ ‘ฉากหลัง’ ถือว่ามีนัยทางเมืองที่แอบแฝงอยู่เช่นกัน เพราะการเลือกตั้งปี 2566 พรรคพลังประชารัฐได้เก้าอี้ สส. เพียง 40 ที่นั่ง เป็น สส. แบบแบ่งเขต 39 ที่นั่ง และ สส. บัญชีรายชื่อ 1 ที่นั่ง
แม้จะร่อยหรอจากการเลือกตั้งปี 2562 แต่ ‘จังหวัดเพชรบูรณ์’ เป็นหนึ่งในจังหวัดที่ไม่มีพรรคใดล้มได้ เพราะมี สันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค เป็นเจ้าของพื้นที่ และครองใจคนเมืองมะขามหวานจนชนะยกจังหวัดมาได้
พล.อ. ประวิตร ปรากฏตัวต่อหน้าสื่อมวลชนและประชาชนด้วยสีหน้าที่สดใสเนื่องจากน้ำหนักลดลงและสุขภาพที่ดีขึ้น พร้อมประกาศบนเวทีต่อหน้าชาวเพชรบูรณ์นับพันชีวิตว่า เก้าอี้รัฐมนตรีของสันติในคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐา นั้นเป็นการ ‘ขอบคุณ’ ชาวเพชรบูรณ์ที่เลือกพรรคพลังประชารัฐยกจังหวัด
นอกจากนี้กิจกรรมพลังประชารัฐสัญจรเมื่อวานนี้ยังได้เห็นภาพของแกนนำและ สส. พรรคพลังประชารัฐ ยืนเคียงข้าง พล.อ. ประวิตร โดยไม่ได้นัดหมาย เพื่อโชว์ศักยภาพความเป็นปึกแผ่น ลบล้างภาพ สงบข่าวลือทิ้งพรรค เพื่อให้พลังประชารัฐเดินต่อไปได้
ไม่ว่าจะเป็น ตรีนุช เทียนทอง สส. สระแก้ว และรองหัวหน้าพรรค, ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค, ไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค, วราเทพ รัตนากร ผู้อำนวยการพรรค, สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง และ อรรถกร ศิริลัทธยากร สส. ฉะเชิงเทรา และโฆษกพรรค
ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ในฐานะเลขาธิการพรรค
กำลังสนทนากับ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
ที่หอประชุมเทศบาลเมืองวิเชียรบุรี อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์
เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2567
แต่ไฮไลต์อยู่ที่ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรค ที่ ‘ทำงานเข้าขา’ กับ ครม. เศรษฐา จนถูกจับตาว่า ‘อาจจะไม่อยู่กับพรรคพลังประชารัฐ’ เปลี่ยนใจไปพรรคอื่น
ร.อ. ธรรมนัส ขึ้นประกาศบนเวทีว่า วันนี้เรามาเพื่อบอกข่าวดีให้กับชาวเพชรบูรณ์ทราบ จากที่เคยหาเสียงไว้ว่าจะเปลี่ยนที่ดิน สปก. 4-01 เป็นโฉนด ในอีก 8 วันเราจะแจกโฉนดเพื่อการเกษตรให้กับคนไทยทั้งแผ่นดิน ซึ่ง พล.อ. ประวิตร เป็นคนสั่งว่าต้องทำให้ได้
“นายครับ ตอนนี้ทำได้แล้วครับนายครับ“ ร.อ. ธรรมนัส กล่าว
ร.อ. ธรรมนัส ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอีกว่า จะให้ตนเองเปลี่ยนใจไปไหน ยังทำงานกับพรรคพลังประชารัฐ และตอนนี้ก็เป็นเลขาธิการพรรค ที่ผ่านมามีการประชุม สส. ทุกวันพุธที่รัฐสภา ก็ขับเคลื่อนงานของพรรคตลอด
หลังเสร็จสิ้นกิจกรรมพลังประชารัฐสัญจร พล.อ. ประวิตร ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้วยการปฏิเสธว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของตนเองนั้นไม่ใช่การคัมแบ็กทางการเมือง เพราะตนเองก็ยังไม่ได้ไปไหน ยืนยันว่าพรรคก็ยังเหนียวแน่น
“ผมไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ไม่ได้เป็นรองนายกฯ ก็เลยไม่ได้ดำเนินการ ยังเป็น สส. บัญชีรายชื่อ แต่ยังไม่ไปประชุมสภาเนื่องจากเดินไม่สะดวก เพราะเจ็บขาเพิ่งหายมาได้ 2 วัน แต่ผมทำงานอยู่เบื้องหลังให้พรรค”
แต่คำถามสำคัญที่สื่อมวลชนถาม จน พล.อ. ประวิตร มีอารมณ์ฉุนว่า “เร็วๆ นี้ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะเป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล พล.อ. ประวิตร จะร่วมหรือไม่”
พล.อ. ประวิตร กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “ไม่ไป ผมไม่ใช่หัวหน้า คุณไปถามพัชรวาท (พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ) สิ เขาเป็นหัวหน้า” ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า หัวหน้าคือหัวหน้าอะไร ใช่หัวหน้าพรรคหรือไม่
จากนั้น ไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค ที่ยืนด้านข้าง พล.อ. ประวิตร จึงตอบแทนว่า “หัวหน้าทีมรัฐมนตรีของพรรค”
พล.อ. ประวิตร จึงกล่าวเสริมว่า “ผมดูแลเฉพาะพรรค” ส่วนงานใน ครม. นั้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับ ครม. หรือการกินข้าวกับทีม ครม. ให้ พล.ต.อ. พัชรวาท หรือรัฐมนตรีของพรรค เป็นผู้ดำเนินงานมาตลอด
นอกจากนี้ก็ได้เห็นภาพพี่ชาย (พล.อ. ประวิตร) และน้องชาย (พล.ต.อ. พัชรวาท) อยู่ด้วยกันที่จังหวัดเพชรบูรณ์ครั้งแรก เนื่องจาก พล.ต.อ. พัชรวาท มีภารกิจตรวจเยี่ยมอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ มรดกโลกแห่งใหม่ของไทยที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ในวันเดียวกันนี้พอดิบพอดี
ช่วงหนึ่งขณะถ่ายภาพหมู่ พล.อ. ประวิตร ได้กล่าวหยอกล้อกับสื่อมวลชนว่า “เชียร์พลังประชารัฐบ้างนะ” สื่อมวลชนจึงตอบกลับว่า เชียร์อยู่แล้ว เพียงแต่ พล.อ. ประวิตร ต้องมาปรากฏตัวต่อหน้าสื่อบ่อยๆ พล.อ. ประวิตร กล่าวตอบโต้ว่า “ทำไมต้องมา” ก่อนจะชี้ไปทาง พล.ต.อ. พัชรวาท และพูดขึ้นว่า “มีคนนี้อยู่แล้ว”
แม้จะเป็นช่วงเวลาไม่นาน แต่ พล.อ. ประวิตร ก็ทำให้เห็นว่า กำลังรับบทพี่ชายที่ช่วยโปรโมต ประคับประคอง และรักษาอำนาจของน้องชายพูดน้อยและเก็บตัวเงียบ ให้อยู่รอดปลอดภัยบนเก้าอี้รัฐมนตรี มีคนในตระกูลวงษ์สุวรรณอยู่ในวงจรอำนาจการเมืองไทยต่อไป
พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขณะเดินไปชมอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2567
เมื่อเสร็จสิ้น พล.อ. ประวิตร และดรีมทีมพรรคพลังประชารัฐ จึงเดินทางไปเยี่ยมชมอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ นั่งชิลกินไอศกรีม ฉลองมรดกโลกแห่งที่ 7 ของไทยได้สำเร็จในรอบ 31 ปี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนโยบายของ พล.อ. ประวิตร ที่ผลักดันมาตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์
“การผลักดันอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพให้เป็นมรดกโลกแห่งใหม่ของไทยในรอบ 31 ปี เป็นนโยบายของผมที่ผลักดันให้เป็นมรดกโลกจนประสบความสำเร็จได้เป็นมรดกโลกแห่งที่ 7 ของไทย” พล.อ. ประวิตร กล่าว
เนื่องจากก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งองค์การยูเนสโก (UNESCO) ประกาศขึ้นทะเบียนเมืองโบราณศรีเทพเป็นมรดกโลก เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เคยบอกว่า ขึ้นทะเบียนมรดกโลกเมืองโบราณศรีเทพเป็นผลงานส่วนหนึ่งของรัฐบาล ในฐานะรัฐมนตรีว่าการฯ ถือเป็นผลงานชิ้นโบแดง จากพื้นที่ศรีเทพไปสู่ระดับนานาชาติ
เมืองโบราณศรีเทพได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในช่วงรอยต่อรัฐบาล บุคคลที่เกี่ยวข้องล้วนแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของผลงานกันทั้งสิ้น ซึ่งการขึ้นเป็นมรดกโลกแห่งที่ 7 ของไทยเป็นผลงานของใครนั้น ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินจะดีที่สุด
สำหรับกิจกรรมพลังประชารัฐสัญจรครั้งถัดไปนั้น พล.อ. ประวิตร บอกกับสื่อมวลชนว่าจะจัดที่จังหวัดหนองคาย ส่วนวันและเวลานั้นให้รอแจ้งอีกครั้ง ซึ่งหนองคายเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่แม้พรรคพลังประชารัฐจะไม่ได้ชนะยกจังหวัดและได้เพียงเก้าอี้เดียว แต่เป็นจังหวัดที่สามารถล้มเจ้าของแชมป์เก่าอย่างพรรคเพื่อไทยมาได้ ถือเป็นอีกจังหวัดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ