ผู้นำกลุ่มชาติอาหรับกดดัน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มีบทบาทช่วยให้เกิดการหยุดยิงในฉนวนกาซาทันที ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นไม่นานหลังมีรายงานว่า การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลได้คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 15 คนในโรงเรียนแห่งหนึ่งที่ดำเนินงานโดยสหประชาชาติ และถูกใช้เป็นสถานที่พักพิงของผู้อพยพหนีภัยสงคราม
“ณ ขณะนี้ เราต้องทำให้แน่ใจว่าสงครามนี้จะยุติลง” ไอมาน ซาฟาดี รัฐมนตรีต่างประเทศจอร์แดน กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันเสาร์ (4 พฤศจิกายน) ภายหลังการประชุมร่วมกันระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กับรัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อียิปต์ และจอร์แดน ในกรุงอัมมาน เมืองหลวงของจอร์แดน
ด้านบลิงเคนซึ่งยืนเคียงข้างรัฐมนตรีต่างประเทศของจอร์แดนและอียิปต์ในงานแถลงข่าวแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างเปิดเผย ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งนัก โดยเขาตอบกลับข้อเรียกร้องของผู้นำชาติอาหรับว่า การหยุดยิงจะเป็นการปล่อยให้กลุ่มติดอาวุธฮามาสกลับมารวมกลุ่มกันใหม่
บลิงเคนกล่าวว่าทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่าจำเป็นต้องมีสันติภาพ และฉนวนกาซาไม่สามารถมีสภาพดังเช่นปัจจุบันต่อไปได้ แต่เขายอมรับว่ามีความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างวอชิงตันกับชาติพันธมิตร
“การหยุดยิงในเวลานี้จะทำให้กลุ่มฮามาสกลับมารวมตัวกันใหม่ และทำแบบเดิมกับที่เคยทำเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม” บลิงเคนกล่าว โดยเขาอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนภูมิภาคนี้เป็นครั้งที่สองนับตั้งแต่อิสราเอลและฮามาสเข้าสู่สงคราม
ทั้งนี้ วอชิงตันยังคงให้การสนับสนุนอิสราเอลอย่างเต็มที่ แต่ขณะเดียวกันก็เริ่มเรียกร้องให้มีการหยุดยิงชั่วคราวเพื่อเปิดทางสำหรับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา อย่างไรก็ตาม เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (3 พฤศจิกายน) เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิงชั่วคราวของบลิงเคน หลังจากที่ทั้งสองพบปะหารือกัน
มหาอำนาจของโลกและภูมิภาคล้มเหลวในการบรรลุฉันทมติเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วง 4 สัปดาห์นับตั้งแต่นักรบจากกลุ่มฮามาสซึ่งปกครองฉนวนกาซา เปิดฉากการโจมตีข้ามชายแดน ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไป 1,400 คน และจับตัวประกันไปอีกกว่า 240 คน
นับตั้งแต่นั้นมา อิสราเอลได้โจมตีฉนวนกาซาจากทางอากาศ ทำการปิดล้อม และปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดิน สร้างความวิตกกังวลไปทั่วโลกเกี่ยวกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมในกาซา โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในฉนวนกาซาเปิดเผยเมื่อวันเสาร์ว่า การโจมตีของอิสราเอลคร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปมากกว่า 9,488 คนแล้ว
ขณะที่กลุ่มฮามาสเปิดเผยว่า การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลต่อฉนวนกาซาส่งผลให้ตัวประกันมากกว่า 60 คนที่ถูกลักพาตัวไปเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมนั้นสูญหายไป พร้อมกับระบุว่า มีศพของตัวประกัน 23 คนติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง อย่างไรก็ดี Reuters ยังไม่สามารถพิสูจน์ยืนยันเรื่องนี้ได้ในขณะนี้
พยานชาวปาเลสไตน์กล่าวว่า อิสราเอลโจมตีโรงเรียนอัล-ฟาคูรา (Al-Fakhoura) ในเมืองจาบาเลีย ซึ่งมีผู้อพยพหลายพันคนอาศัยอยู่ เมื่อเช้าวันเสาร์
ด้านกองทัพอิสราเอลออกแถลงการณ์ระบุว่า การสอบสวนเบื้องต้นชี้ว่ากองทัพไม่ได้มุ่งเป้าโจมตีโรงเรียน ‘แต่การระเบิดอาจเป็นผลมาจากการยิงไปที่เป้าหมายอื่น’ พร้อมเสริมด้วยว่า ทางกองทัพอยู่ระหว่างพิจารณาตรวจสอบเรื่องนี้
จูเลียต โทมา ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของหน่วยงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานแห่งสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (UNRWA) ยืนยันว่า โรงเรียนที่ดำเนินการโดยสหประชาชาติในพื้นที่ฉนวนกาซาถูกโจมตี
“มีการโจมตีอย่างน้อยหนึ่งครั้งที่สนามของโรงเรียน ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งเต็นท์สำหรับครอบครัวผู้ลี้ภัย และการโจมตีอีกครั้งในโรงเรียนที่ผู้หญิงกำลังอบขนมปัง” โทมากล่าวทางโทรศัพท์
กระทรวงสาธารณสุขในฉนวนกาซาเปิดเผยว่า ผู้หญิง 2 คนเสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลบริเวณหน้าโรงพยาบาลเด็กนาสเซอร์ (Nasser Children’s Hospital) และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายคนจากเหตุการณ์นี้ อย่างไรก็ดี อิสราเอลยังไม่ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่อย่างใด
ภาพ: Majdi Fathi / NurPhoto via Getty Images
อ้างอิง:
