วันนี้ (24 มีนาคม) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI) และบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BA) หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ร่วมกันยกระดับขีดความสามารถของอุตสาหกรรมการซ่อมบำรุงอากาศยาน ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาค โดยร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ณ สำนักงานใหญ่ การบินไทย เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของความร่วมมือทางธุรกิจโครงการพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ณ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา
ชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทยฯ เปิดเผยว่า บริษัท การบินไทยฯ มีประสบการณ์ยาวนานด้านการซ่อมบำรุงอากาศยาน ตระหนักถึงบทบาทสำคัญของสายช่างในอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งเป็นรากฐานที่ช่วยให้ธุรกิจการบินเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงมุ่งมั่นที่จะยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการซ่อมบำรุงอากาศยานของภูมิภาค เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโต
โดยศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานถือเป็นหัวใจสำคัญของภาคการบิน ไม่เพียงแต่ช่วยให้การดำเนินงานของสายการบินเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย นอกจากนี้ ยังเป็นปัจจัยหลักที่สนับสนุนการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบินในระดับสากล
ดังนั้น การศึกษาความเป็นไปได้ของความร่วมมือทางธุรกิจโครงการพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน ใน EEC ณ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ระหว่างบริษัท การบินไทยฯ และบริษัท การบินกรุงเทพฯ จึงเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยยกระดับศักยภาพของประเทศไทยให้พร้อมรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
นอกจากการส่งเสริมศักยภาพของประเทศแล้ว โครงการนี้ยังสะท้อนถึงความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมการบินไทยบนเวทีโลก ด้วยรูปแบบทางธุรกิจที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อทุกฝ่าย ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการบินไทยไปสู่อนาคตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน
ด้าน พุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กับบริษัท การบินไทยฯ จะร่วมมือกันศึกษาถึงความเป็นไปได้ ในการร่วมพัฒนาโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง EEC ณ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทยสู่การเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
รวมถึงการเพิ่มศักยภาพในการรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบินในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่มุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินของไทยในทุกมิติ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค ตลอดระยะเวลาในการดำเนินธุรกิจกว่า 57 ปี บางกอกแอร์เวย์สมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจการบินและธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องกับการบินอย่างครบวงจร โดยเฉพาะในด้านการซ่อมบำรุงอากาศยานที่มีประสบการณ์ความชำนาญมากกว่า 20 ปี
บริษัทฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถของอุตสาหกรรมการซ่อมบำรุงอากาศยานของประเทศไทย ที่นอกจากจะช่วยลดการพึ่งพาการส่งอากาศยานไปซ่อมบำรุงยังต่างประเทศ ช่วยควบคุมค่าใช้จ่าย และลดระยะเวลาในการดำเนินการแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจภายในประเทศ และพัฒนาทักษะบุคลากรด้านการซ่อมบำรุงอากาศยานให้กับอุตสาหกรรมการบินของไทยอีกด้วย การบูรณาการความร่วมมือกันด้วยรูปแบบทางธุรกิจที่เหมาะสม จะนำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดในทุกภาคส่วน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกระดับมาตรฐานการซ่อมบำรุงอากาศยานซึ่งมีความสำคัญต่อภาคการบิน และเป็นปัจจัยหลักในการส่งเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมการบินของไทยในระดับสากล เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินโลกในอนาคตได้อย่างแท้จริง
สำหรับการร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมการบินในประเทศไทยให้เป็นไปอย่างครบวงจร รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทยและของโลก ซึ่งสร้างรายได้ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติในการเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค สร้างความสามารถในการแข่งขัน
ก่อนหน้านี้ ชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทยฯ เคยเปิดเผยแผนการลงทุนโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) ที่สนามบินอู่ตะเภา มูลค่าโครงการ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทจะร่วมกับ บริษัท การบินกรุงเทพฯ เพื่อร่วมศึกษาและร่วมทุนโครงการ MRO นี้
อย่างไรก็ดี สำหรับสัดส่วนการถือหุ้นร่วมทุน รวมทั้งเงินลงทุนที่จะใช้ลงทุนในโครงการขึ้นกับผลของการเจรจาระหว่างบริษัทฯ กับ BA โดยโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่จะเปิดให้ผู้ประกอบการไทยที่สนใจยื่นข้อเสนอโครงการ MRO โดยหากบริษัทฯ มีการร่วมทุนกับ BA แล้วได้รับการคัดเลือกจาก EEC ก็คาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างโครงการ EEC ได้ภายในปีนี้