ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ละธุรกิจต่างเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยที่ควบคุมและรับมือได้ยากอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสภาวะการแข่งขัน การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ หรือแม้แต่โรคระบาดอย่างโควิด-19
แม้แต่องค์กรอย่างบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หนึ่งในบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของไทย ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความท้าทายจากหลากหลายปัจจัยเหล่านี้ได้ และจำเป็นต้องอาศัยวิสัยทัศน์ของผู้นำที่จะช่วยให้ทุกๆ คนเดินไปในทิศทางเดียวกัน
การก้าวผ่านอุปสรรคที่ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่องและการมุ่งสู่ความสำเร็จในอนาคต แน่นอนว่าแต่ละองค์กรจะต้องอาศัยพนักงานทุกภาคส่วน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อพนักงานมากที่สุดในแต่ละองค์กรคือ ‘ผู้นำ’
แมตต์ เทนนีย์ ผู้เขียนหนังสือ Serve to Be Great: Leadership Lessons from a Prison, a Monastery, and a Boardroom กล่าวไว้บนเว็บไซต์ Business Leadership Today ว่า มุมมองของพนักงานต่อบรรยากาศของงานที่ทำมักจะเชื่อมโยงกับการกระทำและพฤติกรรมของผู้บริหารประมาณ 50-70% ขณะที่ปฏิสัมพันธ์ระหว่างพนักงานกับหัวหน้างานในแต่ละวันจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการทำงาน
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2563 ในช่วงที่ อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ เข้ารับตำแหน่งซีอีโอของ ปตท. เป็นช่วงเวลาที่บริษัทกำลังเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 นอกจากเรื่องของ
ผลประกอบการที่ย่ำแย่แล้ว ซีอีโอของ ปตท. เคยกล่าวไว้ว่า ความท้าทายที่มากที่สุดในช่วงแรกคือการบริหารจิตใจพนักงาน และสิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนที่สุดในเวลานั้นคือการให้กำลังใจและให้การสนับสนุนในด้านต่างๆ ก่อนจะกลับมาคิดเรื่องการเติบโตอีกครั้งหลังจากวิกฤตคลี่คลายลง
ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อรรถพลเป็นหนึ่งในผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้กลยุทธ์ที่แข็งแกร่งและบริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาล ควบคู่กับการดูแลรับผิดชอบชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ในระดับดีเยี่ยม พร้อมได้รับความเชื่อมั่นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระดับสากล จนได้รับรางวัลซีอีโอยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย 3 ปีติดต่อกัน จาก Corporate Governance Asia นิตยสารด้านการลงทุนและธรรมาภิบาลชั้นนำของฮ่องกงและเอเชีย
ตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งซีอีโอ ปตท. ตั้งแต่ปี 2563 อรรถพลได้ริเริ่มพัฒนาธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน ตามวิสัยทัศน์ Powering Life with Future Energy and Beyond ขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังแห่งอนาคต เช่น ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า
และธุรกิจโรงงานผลิตแบตเตอรี่สำหรับระบบกักเก็บพลังงาน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
รวมทั้งการรุกธุรกิจเข้าสู่ ‘Life Science’ ธุรกิจผลิตยาและสุขภาพ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ รวมถึงโครงการเพื่อสังคมในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างหนักของโควิด-19 ที่ผ่านมา ที่ช่วยบรรเทาวิกฤตของประเทศในโครงการลมหายใจเดียวกัน ที่ช่วยสนับสนุนระบบสาธารณสุขของประเทศ โครงการลมหายใจเพื่อน้อง ในการช่วยเหลือเยาวชนกว่า 60,000 คนที่เสี่ยงต่อการหลุดจากระบบการศึกษา และโครงการนวัตกรรมสร้างรอยยิ้ม ยกระดับการเกษตรควบคู่กับพัฒนาสินค้าชุมชนและช่องทางผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม
นอกจากรางวัลซีอีโอยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย (Asia’s Best CEO) ปตท. ยังคว้ารางวัลแห่งความเป็นเลิศเพิ่มเติมอีก 6 รางวัล ได้แก่ รางวัลซีเอฟโอยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย (Asia’s Best CFO), รางวัลซีเอสอาร์ยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย (Asia’s Best CSR), รางวัลนักลงทุนสัมพันธ์ยอดเยี่ยม (Best Investor Relations Professional), รางวัลความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมยอดเยี่ยม (Best Environmental Responsibility), รางวัลบริษัทนักลงทุนสัมพันธ์ยอดเยี่ยม (Best Investor Relations Company) และในปีนี้ ปตท. ได้รับรางวัลสื่อสารองค์กรยอดเยี่ยม (Best Corporate Communications) เป็นครั้งแรก รวมคว้ารางวัลแห่งความเป็นเลิศในทุกประเภท 7 รางวัล
การประกาศรางวัลดังกล่าว นิตยสาร Corporate Governance Asia ได้พิจารณาจากข้อมูลองค์กรร่วมกับผลสำรวจความคิดเห็นของนักลงทุน นักวิเคราะห์ และผู้ทรงคุณวุฒิ ทั่วภูมิภาคเอเชีย
นอกจากนี้ซีอีโอ ปตท. ยังได้รับรางวัลสุดยอดผู้นำองค์กรแห่งปี 2023 สาขาอุตสาหกรรมพลังงาน จากนิตยสาร BUSINESS+ บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งรางวัลดังกล่าวเป็นหนึ่งในรางวัลอันทรงคุณค่า เพื่อเชิดชูเกียรติและสร้างเสริมกำลังใจแก่ผู้บริหารสูงสุดขององค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีความโดดเด่นในแต่ละอุตสาหกรรม สะท้อนศักยภาพผู้นำที่สร้างความผูกพันในองค์กร ดำเนินธุรกิจและบริหารองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยหลักธรรมาภิบาล อันเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศไทยต่อไป
อ้างอิง:
