รัฐสภาออสเตรียลงมติถอดถอนนายกรัฐมนตรีเซบาสเตียน คูร์ซ ออกจากตำแหน่ง หลังพรรคฟรีดอมปาร์ตี้ (FPO) ซึ่งเคยเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ตัดสินใจยื่นญัตติไม่ไว้วางใจร่วมกับพรรคฝ่ายค้าน โซเชียลเดโมแครตส์ (SPO)
รัฐบาลออสเตรียกำลังเผชิญวิกฤตทางการเมือง หลังมีการแฉคลิปวิดีโอลับการทุจริตอื้อฉาวของพรรคพันธมิตรขวาจัดอย่าง FPO ซึ่งส่งผลให้บรรดารัฐมนตรีจากพรรคดังกล่าวต้องลาออกยกชุดไปก่อนหน้านี้ รวมถึง ไฮน์ซ คริสเตียน ชตราเคอ รองนายกรัฐมนตรีออสเตรีย ซึ่งเป็นผู้นำพรรค FPO
เซบาสเตียน คูร์ซ ถือเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกในประวัติศาสตร์ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ของออสเตรียที่ถูกโหวตไม่ไว้วางใจ หลังสร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้นำประเทศที่อายุน้อยที่สุดในโลกด้วยวัยเพียง 31 ปี เมื่อตอนที่คูร์ซชนะการเลือกตั้งในปี 2017
สำหรับคลิปกรณีทุจริตอื้อฉาว เป็นภาพบันทึกเหตุการณ์ขณะผู้แทนพรรค FPO เจรจาผลประโยชน์กับหลานสาวของบริษัทนักลงทุนยักษ์ใหญ่ชาวรัสเซียที่เกาะอิบิซาของสเปน โดยเธอมีแผนจะเข้าซื้อหุ้นบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ของออสเตรียอย่าง Kronen Zeitung กว่า 50% พร้อมโยกย้ายบรรณาธิการคนใหม่ที่สนับสนุนพรรค FPO ให้ก้าวขึ้นมาบริหารองค์กร
กรณีอื้อฉาวที่เกิดขึ้นทำให้นายกรัฐมนตรีออสเตรียประกาศจัดการเลือกตั้งใหม่ภายในเดือนกันยายนนี้ เพื่อรักษาเสถียรภาพไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทั้งนี้พรรคฝ่ายค้านได้ร่วมยื่นญัตติขอโหวตไม่ไว้วางใจทั้งตัวนายกฯ คูร์ซและรัฐบาล หลังรวบรวมเสียงจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค SPO ซึ่งมี ส.ส. 52 ที่นั่ง จาก 183 ที่นั่ง และพรรค FPO ซึ่งมีอยู่ 51 ที่นั่งได้สำเร็จ โดยที่พรรคฝ่ายซ้ายอย่าง JETZT ได้ร่วมโหวตถอดถอนคูร์ซในเวลาต่อมา แม้ว่าพรรคฝ่ายเสรีนิยมอย่าง NEOS จะไม่เห็นด้วยกับการปลดคูร์ซ เพราะมองว่าจะสร้างความไร้เสถียรภาพขึ้นก็ตาม
ด้านประธานาธิบดี อเล็กซานเดอร์ ฟาน เดอร์ เบลเลน ได้ประกาศแต่งตั้ง ฮาร์ตวิก โลเจอร์ ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคพีเพิลส์ปาร์ตี้ของคูร์ซ และรองนายกรัฐมนตรีคนใหม่ขึ้นรักษาการตำแหน่งนายกรัฐมนตรีออสเตรียชั่วคราวไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดเปลี่ยนผ่านครบทั้งหมด ก่อนที่ออสเตรียจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกันยายนนี้
ฟาน เดอร์ เบลเลน ระบุว่ารัฐธรรมนูญออสเตรียมีบทบัญญัติให้ทุกตำแหน่งทางการเมืองต้องไม่ว่างเว้น แม้ในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านก็ตาม นอกจากนี้เขายังร้องขอให้รัฐมนตรีบางคนอยู่ในตำแหน่งต่อจนกว่าจะหาตัวแทนได้ครบทั้งหมด
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
