ผลการศึกษาวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดที่ยังไม่มีการเผยแพร่อย่างเป็นทางการบ่งชี้ว่า วัคซีนต้านโควิด-19 ที่ทางทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยพัฒนาร่วมกับบริษัท AstraZeneca นั้นสามารถช่วยชะลอการแพร่ระบาดได้ โดยพบว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพสูงถึง 76% ในการป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการได้นานกว่า 3 เดือนหลังการฉีดวัคซีนโดสแรก
ขณะเดียวกันยังพบว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อระหว่างโดสแรกและโดสที่สองมีระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น จากเดิมที่ต้องฉีดห่างกันราว 4-12 สัปดาห์ เพิ่มเป็น 12 สัปดาห์
“ประสิทธิภาพของวัคซีนหลังได้รับการฉีดวัคซีนโดสเดียวตามมาตรฐาน จากวันที่ 22 ไปจนถึงวันที่ 90 พบว่าอยู่ที่ 76% และการวิเคราะห์แบบจำลองบ่งชี้ว่า การป้องกันไม่ได้ลดลงในช่วง 3 เดือนแรก” ผลวิจัยระบุ
การขยายระยะเวลาในการฉีดวัคซีนโดสที่สองออกไปหมายความว่า ประชาชนจะสามารถเข้าถึงการฉีดวัคซีนโดสแรกได้เร็วขึ้นและมากขึ้น เนื่องจากมีระยะเวลาในการผลิตและจัดหาวัคซีนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของรัฐบาลสหราชอาณาจักรในตอนนี้ที่ต้องการให้วัคซีนแก่ประชาชนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
นอกจากนี้ผลวิจัยยังพบว่า เมื่อให้วัคซีนโดสที่สองในระยะเวลาห่างจากโดสแรก 12 สัปดาห์ ระดับประสิทธิภาพของวัคซีนจากออกซ์ฟอร์ด-AstraZeneca จะสามารถป้องกันการติดโควิด-19 ได้เพิ่มเป็น 82.4% แต่เมื่อให้วัคซีนโดสที่สองในระยะเวลาไม่ถึง 6 สัปดาห์หลังจากโดสแรก พบว่า ประสิทธิภาพจะลดลงมาอยู่ที่ 54.9%
ทางด้านคณะกรรมาธิการร่วมด้านการฉีดวัคซีนและการสร้างภูมิคุ้มกันของสหราชอาณาจักรและผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข ก็สนับสนุนแนวทางในการฉีดวัคซีนโดสที่สองให้ประชาชนช้าลง
โดยสหราชอาณาจักรยังชะลอการฉีดวัคซีนโดสที่สองจาก Pfizer-BioNTech ซึ่งทางบริษัทผู้ผลิตวัคซีนเตือนในเรื่องนี้ โดยโต้แย้งว่า ยังไม่มีข้อมูลสนับสนุนเพียงพอเรื่องการชะลอการฉีดวัคซีนโดสที่สอง
ผลการวิจัยที่ออกมาถือเป็นครั้งแรกที่แสดงให้เห็นว่า วัคซีนสามารถลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดวัดผลการแพร่ระบาดด้วยการตรวจหาผู้ติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการ โดยเก็บตัวอย่างด้วยวิธีการ Swab จากอาสาสมัครที่เข้าร่วมวิจัยไปตรวจเชื้อทุกสัปดาห์
ขณะที่ แมตต์ ฮานค็อก รัฐมนตรีสาธารณสุขแห่งสหราชอาณาจักร โพสต์ข้อความทาง Twitter ถึงผลวิจัยที่ออกมา ยกย่องว่า วัคซีนตัวนี้คือทางออกของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และชื่นชมว่า เป็นสุดยอดวัคซีนและเป็นกำลังใจที่ดีเยี่ยม
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: