‘เอเชียทีค’ ทุ่ม 800 ล้านบาท ปั้นแลนด์มาร์กใหม่ ชูคอนเซปต์ ‘ALL DAY EVERYDAY HAPPINESS’ ยกทัพโซนไฮไลต์ ร้านค้า ร้านอาหารชื่อดัง พร้อมขนตัวละคร Disney-Marvel ดึงทราฟฟิก เริ่ม 24 มีนาคมนี้ ยิงยาวถึง 4 เดือน
วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า ตามแผนยุทธศาสตร์การเติบโตของ AWC หนึ่งในนั้นคือการพัฒนาโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ปัจจุบันครบรอบการดำเนินธุรกิจ 10 ปี ที่ผ่านมาในช่วงก่อนโควิดผู้ใช้บริการเอเชียทีคส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ แต่ปัจจุบันลูกค้ากว่า 70% เป็นคนไทย แต่จากนี้เราจะให้ความสำคัญทั้งลูกค้าไทยและต่างชาติ ควบคู่ไปกับการขยายฐานกลุ่มครอบครัวมากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- กางแผน 5 ปี AWC ของเจ้าสัวเจริญ วางงบ 4 หมื่นล้านสำหรับเข้าซื้อกิจการ รับมีกว่า 200 โรงแรมมายื่นเสนอขาย
- ธุรกิจท่องเที่ยวคึกคัก! ต่างชาติใช้จ่ายสูง ทำราคาห้องพักพุ่งขึ้น 30% AWC เล็งซื้อโรงแรมในหัวเมืองหลักเสริมพอร์ต
- จับตาสัญญาณหุ้น ปี 2023 สตรีมมิงยักษ์ใหญ่ Disney-Netflix ยังเผชิญความยากลำบาก เร่งหั่นราคาโฆษณาเพิ่มรายได้
จึงวางงบลงทุนกว่า 800 ล้านบาท ต่อยอดธุรกิจเพื่อสร้างแลนด์มาร์กริมแม่น้ำเจ้าพระยาภายใต้แนวคิด ‘ALL DAY EVERYDAY HAPPINESS’ ยกระดับเอเชียทีคให้เป็นรีเทลเทนเมนต์ริมแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุด โดยได้ขยายเวลาให้บริการ เริ่มตั้งแต่ 10.00-00.00 น.
สำหรับกลยุทธ์และทิศทางดำเนินงานอยู่ภายใต้ 3 กลยุทธ์หลักๆ ประกอบด้วย 1. FESTIVAL VILLAGE ศูนย์รวมแลนด์มาร์ก ชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน และบ้านผีสิง และได้เตรียมเปิดตัวกิจกรรมแอดเวนเจอร์ พร้อมกับลงทุน 200 ล้านบาท เตรียมเปิดให้บริการ ‘DISNEY 100 VILLAGE’ เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี Disney เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แฟนคลับ Disney ในไทย
ทั้งนี้ งานดังกล่าวอยู่ในรูปแบบการแสดงอีเวนต์หลากหลายโซน โดยจะมีตัวละครที่มีชื่อเสียงจาก Frozen, Princess Zone, Pixar Putt, Marvel และ Star Wars โดยเปิดจำหน่ายบัตรผ่านไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ซึ่งงานจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม – 31 กรกฎาคม 2566 รวมเป็นระยะเวลากว่า 4 เดือน เน้นกลุ่มเป้าหมายครอบครัวเป็นหลัก โดยคาดว่างาน Disney จะเป็นหนึ่งในแม็กเน็ตสำคัญที่จะช่วยเพิ่มทราฟฟิกให้เอเชียทีคได้มากขึ้น
ส่วนกลยุทธ์ที่ 2 คือ LARGEST FOOD AND BEVERAGE SELECTION เปิดโซนรวมร้านอาหารและเครื่องดื่มชื่อดังเข้ามาอยู่บนพื้นที่ตามแนวริมฝั่งที่ยาวกว่า 300 เมตร พร้อมเปิดตัว Big C ที่เน้นจำหน่ายสินค้าของฝาก รวมถึงร้านอาหารระดับพรีเมียม เช่น เรือสิริมหรรณพ และห้องอาหาร The Crystal Grill House เพื่อตอบโจทย์กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ตามด้วย 3. LIFESTYLE MARKET ได้ร่วมมือกับบริษัท Mad Face และ Made by Legacy จัดพื้นที่คอมมูนิตี้ของกลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยง กลุ่มที่ชอบตกแต่งบ้านและสวน และกลุ่มวินเทจ โดยกิจกรรมจะเปลี่ยนไปตามเทศกาลต่างๆ ทั้งงานดนตรี ช้อปปิ้ง ศิลปะ สินค้าวินเทจ รวมถึงสุขภาพและอาหารตลอดทั้งปี
ด้านฝั่งผู้เช่าปัจจุบันมีทั้งผู้เช่ารายเดิมและผู้เช่ารายใหม่ๆ หลักๆ ยังเป็นกลุ่มร้านอาหารและไลฟ์สไตล์ รวมแล้วกระจุกอยู่ในพื้นที่กว่า 4 หมื่นตารางเมตร โดยได้เตรียมคอนเซปต์ใหม่ๆ เข้ามาผสมผสานกับร้านค้า ให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น
โดยคาดว่ากลยุทธ์ข้างต้นจะทำให้ทราฟฟิกเอเชียทีคเพิ่มขึ้น 6-8 หมื่นคนต่อสัปดาห์ ขณะที่ปัจจุบันอยู่ที่ 5 หมื่นคนต่อสัปดาห์
นอกจากนี้ยังมีแผนใช้เงินลงทุนอีก 2 พันล้านบาท เพื่อขยายพื้นที่จอดรถขนาด 10 ไร่ และเพิ่มเรือรับ-ส่ง เพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้บริการ รวมถึงการสร้างศูนย์สุขภาพในพื้นที่ฝั่งตรงข้ามถนนเพื่อรองรับผู้สูงวัย พร้อมเตรียมสร้างโครงการใหม่ในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งจะเอื้อกับธุรกิจเอเชียทีค โดยขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้
ขณะที่โครงการมิกซ์ยูส พื้นที่รีเทลขนาดใหญ่สูงกว่า 100 ชั้น อยู่ระหว่างการออกแบบ โดยจะเริ่มเห็นภาพทั้งหมดชัดเจนในช่วง 4-5 ปีหลังจากนี้
และหวังจะสร้างให้เป็น Global Destination ให้กับประเทศไทย
แม่ทัพใหญ่ AWC ฉายภาพถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เริ่มเดินทางเข้ามา ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อที่พร้อมจับจ่าย ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนเริ่มเข้ามาเป็นครอบครัว ซึ่งยังไม่เห็นภาพการเข้ามาเป็นกรุ๊ปทัวร์ โดยคาดว่าจะเริ่มคึกคักในไตรมาส 3