วานนี้ (28 ตุลาคม) เอเชียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 จัดการปิดการแข่งขันอย่างเรียบง่าย โดยใช้การแสดงที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมเป็นหลัก ขณะที่ทัพนักกีฬาไทยคว้า 27 เหรียญทอง จบอันดับ 7
พิธีปิดเอเชียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 จัดขึ้นที่หางโจว โอลิมปิก สปอร์ต เซ็นเตอร์ ภายใต้คอนเซปต์ ‘Let Your Dreams Fly and We Will Meet Again’ ปล่อยให้ความฝันของคุณโบยบิน แล้วเราจะกลับมาพบกันใหม่
การแสดงชุดแรกคือ ‘A Night to Remember’ หรือ ค่ำคืนแห่งความทรงจำ ที่สื่อถึงการแสดงความรักที่จีนมีต่อเพื่อนๆ ชาวเอเชีย พร้อมทั้งส่งต่อบทกวี ซึ่งเป็นธรรมเนียมของจีนโบราณที่จะมอบให้เป็นของขวัญเมื่อเพื่อนๆ ต้องแยกทางกัน เพื่อแสดงความรัก ความปรารถนาดี และความเศร้าโศก ท่ามกลางอารมณ์ความรู้สึกอันหลากหลาย อบอวลไปด้วยบรรยากาศโรแมนติกแบบจีน
จากนั้นเป็นการแสดงชุดที่สอง ‘Flower of Life Blooming Brilliantly’ หรือ ดอกไม้แห่งชีวิตที่เบ่งบาน ซึ่งเป็นการแสดงของเด็กสาวสวมชุดกี่เพ้าสีเขียวเข้มถือร่ม เริงระบำช้าๆ ราวกับเนินเขาที่อยู่ไกลออกไปและผืนน้ำสีฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยหมอกขาว ดอกบัวที่พลิ้วไหวตามสายลม บนเส้นทางเดินที่คดเคี้ยว แต่เต็มไปด้วยความประทับใจที่ทุกคนจะต้องจดจำและตราตรึง ซึ่งเปรียบเสมือนภาพลึกลับในตอนกลางคืนที่จะอยู่ในใจในค่ำคืนแห่งการร่ำลา
หลังจากการแสดงจบลงมีการเชิญธงของชาติที่เข้าร่วมทั้งหมดเข้าสู่สนาม พร้อมกับการเดินเข้าสู่สนามของนักกีฬาบางส่วนด้วย ตามด้วยไฮไลต์โมเมนต์ต่างๆ ของการแข่งขันผ่านคลิปวิดีโอสั้นๆ
ต่อมาเป็นการกล่าวสุนทรพจน์ปิดงานของ เริ่มจาก เฉิงข่าย ประธานสหพันธ์นักกีฬาคนพิการของจีน ออกมากล่าวขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยกันจัดการแข่งขันครั้งนี้ออกมาได้อย่างราบรื่น พร้อมกับคาดหวังให้ความฝันของทุกคนโชติช่วงชัชวาลตลอดไป
ขณะที่ มายิด ราเชียด ประธานคณะกรรมการนักกีฬาคนพิการแห่งเอเชีย หรือ APC กล่าวว่า การจัดการแข่งขันเอเชียนพาราเกมส์ครั้งนี้เกินความคาดหมายและดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา พร้อมกับยกย่องเยเมน เนปาล และคีร์กีซสถาน ที่ได้เหรียญรางวัลเอเชียนพาราเกมส์ครั้งแรกด้วย สุดท้ายเขาได้ยกย่องทุกฝ่ายที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จครั้งนี้ และขอบคุณทุกฝ่าย ก่อนกล่าวจบการแข่งขันอย่างเป็นทางการ
ต่อจากนั้นได้มีการแสดงวิดีโอคลิปเปิดการแสดงตัวสุดท้ายในชุด ‘Tea for Farewell’ โดยหลังจากวิดีโอจบลงได้มีการบรรเลงดนตรีจากเครื่องดนตรีโบราณของจีนอย่าง ตี๋จื่อ หรือ ขลุ่ยจีน, เซียว หรือ ขลุ่ยไม้ไผ่ และ กู่ฉิน หรือพิณโบราณ 7 สาย ประกอบการแสดงที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับวัฒนธรรมการดื่มชา
จากนั้นก็จะเข้าสู่ช่วงสำคัญคือพิธีมอบธงการแข่งขัน โดยตัวแทนเมืองหางโจกับตัวแทนจากเมืองนาโกย่า จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเจ้าภาพครั้งต่อไป และมีโชว์จากเจ้าภาพครั้งต่อไปมาเปิดในรูปแบบวิดีโอสั้นๆ ด้วย
และสุดท้ายเป็นการดับไฟในกระถางคบเพลิง โดยจะมีการบรรยายสำหรับผู้พิการทางสายตาให้ได้ฟัง ขณะที่พวกเขานั่งอยู่บนบันไดรอบกระถางคบเพลิง ก่อนที่ เฟยเฟย มาสคอตประจำการแข่งขันจะมากระพือปีกดับกระถางคบเพลิง และมีการแสดงชุดสุดท้ายได้แก่ ‘Enduring Memories of Hangzhou’ หรือ ความทรงจำอันยาวนานแห่งหางโจว เป็นอันจบพิธีปิดการแข่งขันเอเชียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 อย่างเป็นทางการ
ขณะที่ในเอเชียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ทัพนักกีฬาไทยปิดฉากผลงานที่ 27 เหรียญทอง 26 เหรียญเงิน และ 55 เหรียญทองแดง รั้งอันดับ 7 ของตารางเหรียญรวม ซึ่งได้เหรียญทองมากกว่าเอเชียนพาราเกมส์ครั้งก่อนที่จาการ์ตา-ปาเล็มบัง ที่ได้ 23 เหรียญทอง