ความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นต่อการขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องของเงินเฟ้อและความผันผวนของตลาดหุ้น ส่งผลให้บรรดาเศรษฐีในเอเชียต่างมีความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
จากการศึกษาของ Lombard Odier ในปี 2022 พบว่า บุคคลในกลุ่ม High Net Worth ในเอเชียแปซิฟิกที่มีมูลค่าเงินลงทุนเกิน 1 ล้านดอลลาร์ หรือราว 35 ล้านบาท ต่างกำลังโยกย้ายเงินลงทุนไปยัง Private Markets หรือบรรดาสินทรัพย์ที่ซื้อขายกันนอกตลาด เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนที่มากขึ้น
บรรดาเศรษฐีเหล่านี้พยายามหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นและบอนด์ และหันมาโฟกัสกับบริษัทของตัวเองหรือสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูงกว่า เช่น ทองคำ และเงินสด ขณะเดียวกันพวกเขาพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์อย่างคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความผันผวนอย่างมาก
“นักลงทุนในเอเชียแปซิฟิกกลับมามีมุมมองอนุรักษ์นิยมกับโครงสร้างพอร์ตมากขึ้น และกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์ทางเลือกที่ปลอดภัย รวมทั้งสินทรัพย์นอกตลาด ขณะเดียวกันก็เพิ่มการกระจายความเสี่ยงไปยังตลาดที่หลากหลายมากขึ้น” Vincent Magnenat หัวหน้าฝ่ายเอเชียของ Lombard Odier กล่าว และบอกว่า “ส่วนการใส่เงินลงไปยังสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำมาก”
การดิ่งลงของหุ้นเทคโนโลยีและการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อท่ามกลางเทรนด์ดอกเบี้ยขาขึ้น ส่งผลให้ความมั่งคั่งรวมของมหาเศรษฐีที่รวยสุด 500 อันดับแรกของโลก หายไปถึง 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ อิงจากข้อมูลของ Bloomberg Billionaires Index
จากการสำรวจความเห็นพบว่า 77% ของผู้คนกังวลต่อการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อและผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก และผู้คนครึ่งหนึ่งจากการสำรวจกังวลต่อความผันผวนของตลาด ทำให้มีนักลงทุนราว 56% เพิ่มการกระจายความเสี่ยงมากขึ้น ขณะที่ 83% ของนักลงทุนรายใหญ่เหล่านี้ต่างไม่ได้ลงทุน หรือลงทุนน้อยกว่า 5% ของพอร์ต สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล
นอกจากนี้ นักลงทุนที่ค่อนข้างมีอายุอย่างกลุ่มคนรวยในสิงคโปร์และออสเตรเลีย เป็นกลุ่มที่เน้นการลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP