วันนี้ (26 กันยายน) ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ หรือ NSDF เปิดเผยว่า ในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 หางโจวเกมส์ ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน ทัพนักกีฬาไทยได้เก็บตัวฝึกซ้อมยาวนานกว่า 2 ปี ใช้งบประมาณไปกว่า 1,300 ล้านบาท
โดยปกติแล้วงบในการส่งแข่งขันเป็นอีกส่วนของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) แต่ในปีนี้ต้องบอกว่ากองทุนฯ ก็เป็นอีกแหล่งเงินทุนที่มาช่วยเหลือให้องค์กรเดินหน้าได้ในยามที่ได้รับงบประมาณมาไม่ครบ ทำให้เป็นครั้งที่กองทุนฯ ให้งบส่งแข่งขันทั้งซีเกมส์ที่ผ่านมาและเอเชียนเกมส์ครั้งนี้
ดร.สุปราณี กล่าวว่า “คิดว่าเป็นอีกภารกิจของกองทุนฯ ที่จะเพิ่มเติมในหมวดของการส่งแข่งขันที่จะต้องบริหารจัดการเรื่องนี้เพิ่มเติม ซึ่งคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ มีมติให้มุ่งไปที่ความสะดวกสบายของนักกีฬา และความเป็นอยู่ของนักกีฬาเป็นหลัก
“ส่วนเรื่องของเงินจากเหรียญรางวัลที่เคยได้ยินว่ามีประเด็นนู้นประเด็นนี้ ตรงนั้นคือ Single Sport แต่ถ้าเป็น Multi Sport หรือมหกรรมที่ได้มาตรฐานทั้งซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ และโอลิมปิกเกมส์ กองทุนฯ ไม่ได้ไปแตะเลย และไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของเงินรางวัลแต่อย่างใด”
ดร.สุปราณี กล่าวอีกว่า กองทุนฯ ได้เตรียมเงินรางวัลเอาไว้ โดยในปี 2567 ตั้งงบประมาณเงินรางวัลไว้ถึง 800 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปกติ และครอบคลุมถึงเอเชียนเกมส์ที่หางโจวด้วย คาดว่าเงินรางวัลครั้งนี้น่าจะถึง 200 ล้านบาท เพราะโครงสร้างเงินรางวัลยังเหมือนเดิม คือ เหรียญทอง 2 ล้านบาท, เหรียญเงิน 1 ล้านบาท และเหรียญทองแดง 5 แสนบาท รวมทั้งในโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โครงสร้างก็ยังเหมือนเดิม แต่ที่จะเปลี่ยนโครงสร้างคือ Single Sport เช่น รายการชิงแชมป์โลก เพราะจะต้องเข้าไปดูว่ารายการนั้นอยู่ในคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ IOC หรือไม่ เพื่อไม่ให้เงินรางวัลเยอะเกินไป
“ในส่วนของ Single Sport ถ้าเป็นกีฬาที่อยู่ในโอลิมปิกเกมส์ก็จะเป็นมาตรฐานอยู่แล้ว ไม่ต้องไปกังวลใจเรื่องเงินรางวัล แต่ก็เข้าใจว่าในการเขียนกฎหมายเราไม่ได้เขียนลึกๆ ลงไป ก็ต้องดูเหตุและผล อย่างเช่นจำนวนประเทศที่แข่งขันในรายการนั้น เราเป็นนักกีฬาเราจะภูมิใจไหมถ้าเราได้เหรียญแต่ไม่ได้แข่งเป็นกลุ่ม” ผู้จัดการกองทุนฯ กล่าวปิดท้าย